โรคไมเกรน หรือเรียกอีกชื่อว่า โรคปวดศีรษะข้างเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะระดับปานกลางไปจนถึงระดับรุนแรง รวมถึงอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไวต่อแสง หรือไม่สามารถทนต่อเสียงดัง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญพบว่า มีบางสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคไมเกรน หรือทำให้อาการแย่ลง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรรู้ว่ามีสิ่งใดที่ไม่ควรทำเมื่อเป็นโรคไมเกรน เราลองมาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. ไม่ดื่มน้ำ
น้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวมของทุกคน แต่มันจะยิ่งสำคัญมากเป็นพิเศษถ้าคุณเป็นโรคไมเกรน ทั้งนี้มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า เมื่อคนดื่มน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิม 6 แก้ว หรือ 1.5 ลิตร พวกเขาพบว่าจำนวนครั้งที่ปวดศีรษะลดลง อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกเจ็บปวดในขณะที่เป็นโรคไมเกรนน้อยลง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2. อดอาหาร
การไม่ทานอาหารไม่เพียงแต่ทำให้คุณไม่มีเรี่ยวแรงทำสิ่งต่างๆ เท่านั้น แต่มันยังทำให้โรคไมเกรนกำเริบได้อีกด้วย ซึ่งมีนักวิจัยบางคนเชื่อว่า การมีระดับของน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำลงอาจมีผลต่อสมอง และทำให้เกิดไมเกรนได้ในที่สุด
3. ทานยาแก้ปวดมากกว่า 3-4 วัน
ยาที่ซื้อได้ตามร้านขายยาอย่างพาราเซตามอล แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟนสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนได้ และมันจะดีที่สุดถ้าคุณทานยาเหล่านี้ทันทีเมื่อโรคไมเกรนกำเริบ แต่การทานยามากกว่า 3–4 วันติดต่อกันสามารถนำไปสู่การเกิด “Rebound headaches” ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะเพราะใช้ยาเกินความจำเป็น ร่างกายจะเริ่มเรียกร้องหายาแก้ปวด และไมเกรนสามารถเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่ทานยา ถ้าคุณปวดศีรษะไมเกรนมากกว่า 3– 4 ครั้งต่อเดือน คุณก็ควรไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะจ่ายยาที่เหมาะสมให้ค่ะ
4. นอนมากหรือน้อยเกินไป
การนอนมากหรือน้อยเกินไปสามารถกระตุ้นให้เป็นโรคไมเกรน ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจัดตารางนอนให้ได้เวลาเดิม หากคุณไม่สามารถนอนหลับ หรือนอน 7-8 ชั่วโมงแต่ก็ยังรู้สึกเหนื่อย คุณก็อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์ค่ะ เพราะคุณอาจมีโอกาสเป็นโรคนอนไม่หลับ หรือโรคหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งล้วนแต่ทำให้ปวดศีรษะ โดยหมายความรวมถึงการปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งการรักษาโรคที่เกี่ยวกับการนอนก็จะพลอยช่วยให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลงตามไปด้วย
5. เพิกเฉยต่อความเจ็บปวด
การเพิกเฉยต่ออาการปวดศีรษะไมเกรน อย่างการเห็นแสง เดินเซ ได้ยินเสียงดังในหู หรือรู้สึกเวียนศีรษะและไม่สามารถทรงตัวได้ สามารถทำให้อาการปวดศีรษะแย่ลง ถ้าเป็นไปได้ ให้คุณนอนราบกับพื้นในห้องที่มืดและเงียบ จนกว่าอาการจะหายไป หรือคุณจะใช้ผ้าชุบน้ำเย็นวางไว้บนหน้าผากก็ได้ค่ะ ทั้งนี้บางคนพบว่าการนวดที่หนังศีรษะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้เช่นกัน
6. ได้รับธาตุแมคนีเซียมไม่เพียงพอ
มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและทานให้สมดุล โดยเฉพาะการทานอาหารที่มีธาตุแมคนีเซียมอย่างเพียงพอ เพราะมีงานวิจัยพบว่าการทานแมคนีเซียมออกไซด์ที่ซื้อตามร้านขายยาประมาณ 400 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถช่วยให้คุณปวดหัวน้อยลง ซึ่งแมคนีเซียมมีประโยชน์สำหรับช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน และป้องกันการปวดศีรษะไมเกรนที่มีความสัมพันธ์กับการมีประจำเดือน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่คุณทานแมคนีเซียม คุณอาจพบว่าตัวเองท้องเสีย ทางที่ดีคุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานอาหารเสริมหรือยาชนิดใดๆ ก็ตามค่ะ
7. ลืมจดอาหารที่ทาน
การจดอาหารที่ทานในแต่ละวันสามารถช่วยให้คุณรู้ได้ว่าอาหารบางชนิดกำลังเป็นตัวการที่ทำให้คุณปวดศีรษะหรือไม่ อย่างไรก็ดี อาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้โรคไมเกรนกำเริบก็ได้แก่อาหารจำพวกชีส ถั่ว แอลกอฮอล์ สารที่ใส่ในอาหารอย่างไนเตรต ซึ่งมักพบได้ในไส้กรอก เบคอน และเนื้อแปรรูปชนิดอื่นๆ
หากคุณรู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคไมเกรน คุณก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรากล่าวไป เพื่อให้อาการปวดศีรษะทุเลาลง แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น หรือเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานาน คุณก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ