5 ข้อคิดก่อนเลือกซื้อเป้อุ้มเด็กและรถเข็นเด็ก

เผยแพร่ครั้งแรก 5 ก.พ. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 8 มี.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
5 ข้อคิดก่อนเลือกซื้อเป้อุ้มเด็กและรถเข็นเด็ก

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงอยากพาเจ้าตัวเล็กออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ แต่คงกังวลว่าเราควรจะเตรียมตัวยังไงบ้างเมื่อต้องพาเจ้าตัวเล็กออกนอกบ้าน บางคนอาจจะเคยเห็นพ่อแม่ฝรั่งที่เขาเอาลูกใส่เป้อุ้มเด็กแล้วให้ลูกห้อยตัวอยู่ด้านหน้าตัวเอง หรือบางครั้งก็เห็นเขาให้ลูกนอนอยู่ในรถเข็นเด็กแล้วเข็นเดินไปมาแทน วันนี้เรามาทำความรู้จักและเปรียบเทียบข้อดีและข้อที่ควรระมัดระวังเกี่ยวกับเป้อุ้มเด็กกับรถเข็นเด็กกันดีกว่าค่ะ

เป้อุ้มเด็ก คืออะไร

หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักเป้อุ้มเด็ก แต่อาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้าง โดยเฉพาะพ่อแม่ชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย มักจะนิยมใช้เป้อุ้มเด็กมาก เพราะว่าเด็กจะยังอยู่แนบอกกับพ่อแม่ ในขณะที่พ่อแม่เองก็สามารถท่องเที่ยว ทำกิจกรรมต่างๆ ได้

โดยมากมักจะเห็นการใช้เป้อุ้มเด็ก 2 แบบ คือ แบบให้ลูกหันหน้าเข้าหาตัวพ่อแม่ กับให้ลูกหันหน้าออกตามพ่อแม่ ซึ่งการจะหันหน้าออกหรือหันหน้าเข้าหาพ่อแม่ เราแนะนำให้ดูจากอายุของเจ้าตัวเล็กเป็นหลัก ถ้าอายุอยู่ระหว่าง 1-3 เดือน คือช่วงที่คอและหลังของลูกยังไม่แข็งแรงดี แนะนำให้ใช้วิธีอุ้มแล้วหันหน้าเข้าหาพ่อแม่ เนื่องจากเป้อุ้มเด็กสำหรับทารกวัย 1-3 เดือน ส่วนมากจะมีความสูงมากพอจะช่วยประคองศีรษะของลูกได้ แต่ถ้าลูกอายุ 4 เดือนขึ้นไป หรือคอและหลังเริ่มแข็งแรงแล้ว ก็สามารถใช้วิธีหันหน้าออกได้ ซึ่งลูกเองก็มักจะชอบการอุ้มแบบนี้มาก เพราะเขาได้เห็นสิ่งต่างๆ ภายนอก และยังสามารถอยู่ใกล้ๆ พ่อแม่ได้ด้วย แต่อาจจะต้องระวังเวลาไปอยู่ใกล้สิ่งของ เพราะเจ้าตัวเล็กอาจจะพยายามหยิบจับนี่จับโน่นด้วยนะคะ

จำเป็นต้องใช้รถเข็นเด็กไหม

การใช้รถเข็นเด็กอาจจะดูแปลกและดูเวอร์ไปสำหรับพ่อแม่คนไทยหลายคน แต่ความจริงแล้วรถเข็นเด็กนั้นสามารถช่วยให้พ่อแม่พาเจ้าตัวเล็กออกไปทำกิจกรรมข้างนอกได้สะดวกสบายกว่า แต่ก็จะมีข้อจำกัดเรื่องความคล่องตัวที่สู้เป้อุ้มเด็กไม่ได้ รถเข็นเด็กในปัจจุบันก็พัฒนาให้ดีขึ้นมาก เช่น สามารถปรับการเข็นได้ทั้งสองทิศทาง, รองรับการแยกตัวออกมาเป็นเบาะหนังสำหรับเด็กในรถ (Car seat) หรือตะกร้าหิ้วทารกเป็นต้น

เนื่องจากว่าเป้อุ้มเด็กและรถเข็นเด็กนั้นต่างก็มีจุดดีที่น่าสนใจ ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อขอให้คำนึงถึง 5 ข้อดังต่อไปนี้

1. ระยะเวลาการพาลูกออกไปเที่ยวในแต่ละวัน

เพราะการพาลูกออกไปข้างนอกเพียง 30 นาที กับ 3 ชั่วโมง ก็มีความแตกต่างกัน เพราะหากคุณใช้เป้อุ้มเด็ก แน่นอนว่าความคล่องตัวย่อมดีกว่า แต่การอุ้มลูกนานมากกว่า 30 นาทีคุณอาจจะเริ่มเมื่อย รวมถึงเจ้าตัวเล็กเองก็อาจจะเหนื่อยและต้องการการนอนหลับพักสักงีบ ซึ่งถ้าคุณเลือกใช้ รถเข็นเด็ก แน่นอนว่าเจ้าตัวเล็กจะสามารถนอนหลับได้สนิทและสบายกว่า คุณจึงควรเลือกอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่คุณจะต้องพาเจ้าตัวเล็กออกไปนอกบ้าน

2. สิ่งของที่ต้องใช้ของเจ้าตัวเล็ก

การพาเจ้าตัวเล็กออกนอกบ้านแต่ละครั้ง ต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้หลายอย่าง เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป, ขวดนม, เสื้อผ้าชุดสำรอง (เผื่อเอาไปเปลี่ยน) และอีกสารพัดของใช้ที่บางครั้งอาจจะทำให้การพาเจ้าตัวเล็กออกนอกบ้านกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวเช่นกัน

หากคุณมีสิ่งของที่ต้องนำไปใช้ค่อนข้างเยอะดังนั้นการเลือกใช้ รถเข็นเด็ก ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะรถเข็นเด็กส่วนมากจะออกแบบมาให้มีชั้นที่สามารถใส่สัมภาระของลูกได้อยู่แล้ว ทำให้คุณไม่ต้องแบกสิ่งของของลูกไปด้วย

จำไว้ว่ายิ่งคุณพาเจ้าตัวเล็กออกนอกบ้านนานมากเท่าไร สิ่งของเครื่องใช้ของเขาคุณก็ต้องเอาไปมากด้วยเช่นกัน

3. พาหนะที่คุณและเจ้าตัวเล็กจะเดินทางไป

ถ้าคุณเดินทางด้วยรถยนต์ แน่นอนว่าการใช้รถเข็นเด็กบางรุ่นจะมาพร้อมกับตะกร้าสำหรับเด็กในรถ (Rear-facing car seat) เป็นการเลือกที่สะดวกสบายและคล่องตัวมากที่สุด แต่หากคุณจำเป็นต้องเดินทางด้วยรถคนอื่น หรือไปด้วย Taxi แล้วละก็ คุณอาจจะไม่คล่องตัวนัก

หากคุณเลือกการเดิน ต้องคำนึงถึงพื้นถนนด้วย เพราะทางเดินเท้าของประเทศเราไม่เหมือนกับต่างประเทศ ดังนั้นบางครั้งทางเดินเท้าที่ไม่เรียบ เป็นหลุม อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้รถเข็นเด็กมากกว่าการใช้เป้อุ้มเด็ก

4. อายุการใช้งานของเป้อุ้มเด็กและรถเข็นเด็ก

เป้อุ้มเด็กและรถเข็นเด็กส่วนมากจะใช้กับเด็กน้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 18-20 กิโลกรัม แต่โดยมากเมื่อลูกเริ่มโตถึงวัย 1 ขวบ (น้ำหนักของลูกจะหนักประมาณ 7.5 - 11.5 กิโลกรัม) เป้อุ้มเด็กก็เริ่มจะไม่ได้ใช้แล้ว หลายครอบครัวจึงควรพิจารณาถึงความคุ้มค่า เพราะการเลือกซื้อ รถเข็นเด็ก แทนเป้อุ้มเด็ก จะสามารถใช้ต่อได้อีกหลังจากลูกอายุ 1 ขวบไป

5. ราคาและการขายต่อ

อุปกรณ์บางอย่างของลูก เมื่อลูกของเราเติบโตขึ้นพ้นวัยที่ต้องใช้ เราสามารถนำสิ่งของเหล่านี้ไปขายต่อมือสองให้กับพ่อแม่คนต่อไปได้ เนื่องจากรถเข็นเด็กนั้นราคาจะสูงกว่าเป้อุ้มเด็กค่อนข้างมาก ทำให้หลายครอบครัวเลือกที่จะซื้อรถเข็นเด็กมือสองในสภาพดีต่อจากพ่อแม่คนอื่น แต่มักไม่นิยมซื้อเป้อุ้มเด็กมือสองเนื่องจากราคาไม่ได้สูงมาก

ดังนั้นหากเราดูแลรักษาสิ่งของของเราอย่างดี เราสามารถนำรถเข็นเด็กที่ไม่ได้ใช้แล้ว (เพราะลูกโตเกินจะนั่งแล้ว) ไปขายต่อได้ ทำให้เราประหยัดเงินไปได้มาก ในขณะที่เป้อุ้มเด็กอาจจะขายต่อได้แต่อาจจะขายได้ในราคาที่ต่ำกว่าตอนที่ซื้อมากเมื่อเทียบกับรถเข็นเด็ก

ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อเป้อุ้มเด็กหรือรถเข็นเด็ก ขอให้ลองพิจารณาถึงประเด็น 5 ข้อด้านล่างนี้นะคะ

  1. ระยะเวลาการออกไปนอกสถานที่
  2. สิ่งของที่ต้องพกพาออกไป
  3. พาหนะที่ใช้
  4. อายุการใช้งาน
  5. ราคาและการขายต่อ (ถ้าคุณต้องการขายต่อ)

3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
New Dad Survival Guide: The Skillset (https://www.artofmanliness.com...), 21 February 2019
Karen Miles, How to Hold a Baby (https://www.parenting.com/arti...)
How to hold a baby (https://www.babycenter.com/2_h...)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป