ช่วงเปลี่ยนผ่านจากชั้นมัธยมศึกษาสู่มหาวิทยาลัย อาจทำให้หลายคนเกิดความไม่มั่นใจในทางเลือกของตนเองในการเข้าเรียนชั้นมหาวิทยาลัย อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ครอบครัวและตัวของผู้พิการเองควรคำนึงถึงก่อนจะไปสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย
กระบวนการรับเข้าเรียน
โดยทั่วไปสถาบันการศึกษาภายหลังชั้นมัธยมศึกษาไม่อนุญาตให้ถามผู้สมัครเกี่ยวกับความพิการก่อนการตัดสินใจเลือกรับเข้าเรียน อย่างไรก็ตาม บางสถาบันอาจสอบถามความสามารถของผู้สมัครว่าตรงตามความต้องการและมาตรฐานของหลักสูตรต่าง ๆ หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคนิคหรือด้านความรู้ โดยไม่ได้เปิดเผยสถานะความพิการของคน ๆ นั้น
นักศึกษาพิการมีสิทธิที่จะใช้สนามสอบพิเศษสำหรับคนพิการในทุกสถาบันที่มีข้อสอบพิเศษสำหรับผู้พิการ โดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการสอบนี้รวมไปถึงการมีที่นั่งพิเศษ ห้องส่วนตัวสำหรับทำข้อสอบ เครื่องอ่านคำถาม หรือเครื่องอัดคำตอบ อาจมีการเพิ่มเวลาทำข้อสอบ มีเวลาพักมากขึ้น เพิ่มขนาดตัวหนังสือ หรือลดจำนวนข้อสอบในแต่ละหน้าลง เป็นต้น
ทางเลือกสำหรับนักศึกษาภายหลังการได้รับเข้าศึกษาต่อ
นักศึกษาที่มีความพิการทางการศึกษาไม่จำเป็นที่จะต้องแจ้งสถาบันก่อนว่าพวกเขาพิการ แต่อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาต้องการที่พักพิเศษ หรือต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อการศึกษาแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องแจ้งกับสถาบันถึงความพิการและยื่นเอกสารแสดงความพิการ
เอกสารแสดงความพิการนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบัน โดยก่อนที่จะสมัคร จะมีการแนะนำเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเพื่อเตรียมหาข้อมูลเอกสารที่จำเป็นสำหรับการสมัครของแต่ละสถาบันที่ให้ความสนใจกับผู้พิการ ซึ่งโดยทั่วไปเอกสารเหล่านี้ควรจะต้องระบุตัวตนให้ชัดเจน รวมทั้งระบุความพิการหรือข้อจำกัดในการทำกิจวัตรประจำวันหลัก ๆ รวมทั้งการช่วยเหลือที่ต้องการสำหรับช่วยในการเรียน
เมื่อนักเรียนแจ้งระบุตัวตนและความพิการแล้ว พวกเขาควรจะแจ้งความต้องการจำเพาะสำหรับสถานที่พักผ่อนที่พวกเขาใช้อยู่เดิมแก่สถาบัน และอาจารย์ควรแจ้งถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งพูดคุยถึงปัญหาและวิธีการจัดการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
ในสถาบันภายหลังการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา จะให้บริการช่วยเหลือเด็กพิการ ขึ้นอยู่กับปัจจัยของสถาบันหลายปัจจัย โดยเฉพาะสถาบันที่ได้และไม่ได้รับการสนับสนุน ภายใต้ ADA ทุกสถาบันจะต้องมีผู้ติดต่อประสานงานด้านความพิการที่คอยช่วยเหลือเด็กนักศึกษาที่มีความพิการ เพื่อจัดการเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการยืดเวลาให้นานขึ้น ตัวช่วยในการจดบันทึก เครื่องอัดเสียง เป็นต้น โดยที่บางสถาบันอาจมีโปรแกรมการศึกษาเฉพาะ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ การมีผู้สอนเฉพาะ หรือมีการพูดคุยให้คำแนะนำกับทั้งนักเรียนและคณะ
ข้อควรคำนึง
การวางแผนการศึกษาภายหลังการเรียนชั้นมัธยมศึกษานี้ควรเริ่มตั้งแต่ช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยมีปัจจัยหลายอย่างในแต่ละคน
การวางแผนสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ควรมุ่งเน้นไปยังการพัฒนาศักยภาพที่จำเป็นในการคัดเลือกเข้าสู่การศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ในโปรแกรมที่มีระบบสนับสนุนเด็กพิการในการเรียน และจบไปโดยมีทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพนั้น ๆ ในส่วนของครอบครัวเองก็ควรจะต้องคำนึงถึงปัญหาทางด้านจิตใจที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้ ที่เด็กที่มีความผิดปกติทางด้านการเรียนรู้จะประสบปัญหาจากภาวะเครียดในการปรับตัวเข้าสู่ระบบมหาวิทยาลัย และมีแนวโน้มต้องการคำปรึกษามากกว่าเด็กปกติที่ไม่มีความพิการ