โยเกิร์ต คือ นมเปรี้ยวที่คนไทยรู้จักในรูปแบบต่างๆ จุดประสงค์ของการรับประทานนมเปรี้ยวที่ถูกต้อง คือ การรับประทานแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตจำนวนมาก (ประมาณหมื่นล้านตัวต่อกรัม) เพื่อหวังผลต่อสุขภาพ
ส่วนนมเปรี้ยวที่เราหาซื้อในท้องตลอดทำขึ้นโดยมีการปรุงแต่งรสชาติให้อร่อย บางชนิดก็ไม่สมควรเรียกว่าโยเกิร์ตเสียด้วยซ้ำ เพราะนำไปพลาสเจอร์ไรส์ (ฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูง) และนำมาบรรจุกล่องที่จริงน่าจะเรียกว่า ซากโยเกิร์ต บางชนิดก็มีการใส่น้ำตาลมาก บางชนิดก็มีการเจือจางจนปริมาณแบคทีเรียเหลืออยู่น้อยมาก
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
โยเกิร์ตคืออะไร?
โยเกิร์ตสามารถผลิตได้จากนมชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเนนมสด นมพร่องมันเนย หรือนมถั่วเหลือง โดยการใช้แบคทีเรียแลกโตบาซัลลัส เอซิโดวิส สเตรปโตคอกคัส และเทอร์โมฟิลลัส เป็นหลัก ใส่ลงไปหมักในผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ แบคทีเรียเหล่านี้ช่วยย่อยน้ำตาลแลกโตสในนมให้เป้นกรดแลกติก ทำให้มีภาวะเป็นกรดและมีรสเปรี้ยว
ดังนั้น โยเกิร์ตที่ดีควรทำจากนมชนิดต่าง ๆ และแบคทีเรียที่ดีเท่านั้น ไม่ควรมีส่วนผสมอย่างอื่นเข้าไปเจือปน ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล สี สารเจลาติน รสสังเคราะห์ ส่วนผสมเหล่านี้ทำให้คุณค่าของโยเกิร์ตด้อยลงแม้ว่าเราจะไม่คุ้นเคยต่อรสโยเกิร์ตธรรมชาติ แต่ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ก็จะสามารถรับประทานโยเกิร์ตธรรมชาติด้วยความสบายใจ
กินโยเกิร์ตหรือนมดีกว่ากัน?
แต่ข้อสำคัญคือ คือ โยเกิร์ตย่อยง่ายกว่านม แม้ในคนที่แพ้โปรตีนหรือไม่สามารถย่อยนมได้ ก็สามารถกินโยเกิร์ตได้ เนื่องจากในขบวนการทำโยเกิร์ต นมจะถูกหมักและเปลี่ยนเป้นโมเลกุล ที่สามารถย่อยได้ง่ายขึ้น และในขบวนการดังกล่าจะเกิดแลกเตส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ย่อยนม (น้ำตาลแลกโตส) สำหรับคนที่ไม่สามารถย่อยนมได้จะขาดเอนไซม์ชนิดนี
นอกจากนี้ในขบวนการหมักดังกล่าว จะเกิดเอ็นไซม์ที่สามารถย่อยโปรตีนแคซีน ทำให้ง่ายต่อการดูดซึม และเกิดการแพ้น้อยลง จากการสังเกตเด็กที่ไม่สามารถย่อยนมได้ พบว่าสามารถกินโยเกิร์ตได้บ่อยครั้งโดยที่ไม่มีอาการท้องเสีย ในขบวนการทำโยเกิร์ต น้ำตาลนมแลกโตสจะถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลกาแลกโตส และกลูโคส ซึ่งน้ำตาล 2 ชนิดนี้สามารถดูดซึมได้ง่าย แม้ในคนที่ไม่สามารถย่อยนมได้
ประโยชน์ของโยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยยับยั้งการโตของเซลล์ที่เยื่อบุลำไส้ที่มากจนเกินไป ในบุคคลที่มีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้แคลเซียมยังรวมตัวกับกรดน้ำดี ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยไม่ระคายเคืองต่อลำไส้ใหญ่ โยเกิร์ตยังช่วยทำให้การดูดซึมของแร่ธาตุต่าง ๆ ดีขึ้น ขบวนการหมักโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม และวิตามิน B นอกจากนี้กรดแลกติกในโยเกิร์ตยังช่วยย่อยแคลเซียมในนม ทำให้ดูดซึมนานขึ้น
โยเกิร์ตนั้นเป็นแหล่งของแคลเซียม ในโยเกิร์ต 8 ออนซ์ จะมีแคลเซียมมากถึง 450 มิลลิกรัม และเนื่องจากแบคทีเรียในโยเกิร์ตจะช่วยให้การดูดซึมแคลเซียมเป็นไปได้มากขึ้น ดังนั้นการกินโยเกิร์ต จะช่วยให้คุณได้รับแคลเซียม มากก่าการกินนมในปริมาณเท่ากัน นอกจากนั้นโยเกิร์ตช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลอีกด้วย จากการศึกาพบว่า โยเกิร์ตสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลได้ เนื่องจากเนื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตสามารถกำจัดคอเลสเตอรอลได้ และทั้งนี้โยเกิร์ตช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี เนื่องจากในโยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีนที่ย่อยง่าย และกรดแลกติกในโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมแร่ธาตุเข้าผ่านลำไส้ แม้ว่าอาหารที่ผู้ป่วยภูมิแพ้ควรเลี่ยงประการแรก คือ “นมวัว” และผลัตภัณฑ์จากนมวัว เช่น ชีส โยเกิร์ต ช็อกโกแลต ฯลฯ
เนื่องจากสถิติที่พบจากผู้ป่วยก็คือ ประมาณ 50% มีอาการแพ้นมวัว และผลิตภัณฑ์จากนมวัว แต่ในกรณีของผู้ป่วยภูมิแพ้เกสรดอกไม้ (Hayfever) นั้น สามารถรับประทานผลิตภัณฑ์จากนมวัวได้อย่างหนึ่ง ...นั่นคือโยเกิร์ต แต่จะต้องเป็นโยเกิร์ตที่เตรียมไว้ก่อนฤดูผสมเกสรดอกไม้ จึงจะช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้