ประจำเดือน คือเลือดและเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกออกมาทุกๆ รอบเดือนของผู้หญิง โดยปกติ 1 รอบเดือนจะห่างกัน 21-35 วัน ประจำเดือนแต่ละรอบกินเวลานาน 3-7 วัน แต่อาจแตกต่างกันไปในแต่รอบ โดยสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมน ความเครียด อาหารการกิน การทำงาน ตามธรรมดาสีของประจำเดือนจะแตกต่างกันในแต่ละรอบและแต่ละวันของการมีประจำเดือน โดยสามารถเปลี่ยนไปได้ตั้งแต่สีแดงสดไปจนถึงสีคล้ำ
เลือดสีแดงสดแสดงว่าเป็นเลือดที่ออกมายังไม่นาน ส่วนเลือดที่มีสีคล้ำหรือสีน้ำตาลแสดงว่าเป็นเลือดที่ออกมาแล้วค้างอยู่ในโพรงมดลูก มีการสัมผัสกับอากาศนานจึงเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้ประจำเดือนมีสีเข้มขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ในตำราการแพทย์แผนไทยนั้นมีการกล่าวถึงสีของประจำเดือน ว่าสามารถช่วยวินิจฉัยโรคได้เบื้องต้น ไม่ใช่ทั้งหมด โดยแพทย์จะสังเกตจากอาการและอาการแสดงเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับการวินิจฉัยโรคของแพทย์แผนปัจจุบัน
5 สิ่งที่ควรสังเกตเกี่ยวกับประจำเดือน
นอกจาก “สี” สิ่งที่ควรสังเกตเกี่ยวกับประจำเดือนได้แก่สิ่งต่อไปนี้
1. ปริมาณเลือดประจำเดือน
ปกติในหนึ่งรอบไม่ควรเกิน 80 มิลลิลิตร หรือสังเกตจากการใช้ผ้าอนามัย โดยควรใช้ 3-5 ผืน/วัน หากท่านใดพบว่าประจำเดือนมามากจนล้นผ้าอนามัย ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2 ชั่วโมง อาจแสดงถึงความผิดปกติ
2. ระยะเวลาที่ประจำเดือนมาในแต่ละครั้ง
ปกติจะอยู่ที่ 3-5 วัน แต่หากประจำเดือนมานานมากกว่า 7 วัน อาจบ่งบอกถึงระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ซึ่งปัญหานี้พบได้มากในผู้ป่วยเบาหวาน อ้วน หรือมีความเครียด
3. ความสม่ำเสมอ
ระยะห่างของรอบเดือนมักจะอยู่ที่ 21-35 วัน หากมีรอบประจำเดือนสั้นกว่า 21 วัน บางรายอาจมีโรคมะเร็ง หรือหากประจำเดือนขาดเกินกว่า 3 เดือน โดยตรวจแล้วไม่มีการตั้งครรภ์ อาจแสดงถึงภาวะไทรอยด์ผิดปกติ
4. ลักษณะเลือดประจำเดือน
ตามปกติประจำเดือนไม่ควรมีลักษณะเป็นเลือดออกกระปริดกระปรอย หรือมีเลือดออกนอกรอบประจำเดือน ลักษณะอื่นๆ ที่ผิดปกติ ได้แก่ เลือดประจำเดือนเป็นลิ่มเลือดขนาดใหญ่ มีสีดำคล้ำ หรือสีส้มแดงตลอดรอบเดือน ร่วมกับมีอาการปวดท้อง ปัสสาวะลำบาก คัน หรือมีกลิ่นเหม็น มีไข้
5. อาการร่วมขณะมีประจำเดือน
อาการผิดปกติ เช่น คันในช่องคลอด ปวดประจำเดือนมากและปวดมากขึ้นจนทนไม่ไหว ปวดอุ้งเชิงกรานและช่องท้อง
สรุปได้ว่า สีของประจำเดือนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบอกโรคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ควรสังเกตอาการผิดปกติดังที่ได้กล่าวข้างต้นร่วมด้วย ซึ่งหากพบว่ามีไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยละเอียด และรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนและอันตรายอื่นๆ ที่อาจตามมา