เมื่อทราบกันแล้วว่ายาเหลือใช้ – ยาขยะคืออะไร และมีผลเสียอย่างไรบ้าง ในบทความเรื่อง “มารู้จัก… ยาขยะ และ ยาเหลือใช้”
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แล้วเราจะป้องกันการเกิด “ยาเหลือใช้ – ยาขยะ”
กันยังไงดีล่ะคะ?
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ใช้ยาให้ถูกต้องตามแพทย์สั่งค่ะ แม้ว่าจะไม่สามารถลดยาเหลือใช้ในกรณีของยาบางตัวที่อาจใช้เพียงเพื่อบรรเทาอาการ และสามารถหยุดใช้ได้หากอาการดีขึ้นแล้ว แต่ก็จะลดยาเหลือใช้ที่ไม่ควรจะมี เช่น ยาโรคเรื้อรังหรือยาปฏิชีวนะได้ไงคะ
- กรณีที่มียาเหลือใช้จากการรักษาครั้งก่อน โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องไปพบแพทย์ประจำตามนัด ควรนำยาเดิมที่เหลืออยู่ไปให้แพทย์ / เภสัชกรด้วย เพื่อที่แพทย์ / เภสัชกรจะได้ทบทวนยาว่าผู้ป่วยมีการใช้ที่ถูกต้องหรือไม่, เกิดปัญหาจากการใช้ยาจนทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยาได้ครบถ้วนตามแพทย์สั่งหรือเปล่า และหากยานั้นยังมีความจำเป็นต้องใช้ ก่อนจะส่งคืนให้ผู้ป่วยนำกลับไปใช้ต่อก็จะได้มีการตรวจสอบว่ายาดังกล่าวอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้หรือไม่ หากไม่… ก็จะได้นำไปกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสมต่อไป
เรื่องอะไรจะเอามาคืนหมอ! ยาพวกนี้ป้าก็เสียเงินซื้อมาแล้ว เอามาคืน…หมอก็ไม่ได้คืนเงินให้ซักหน่อย ป้าว่าเอาไปให้คนอื่นที่มีอาการเหมือนกันใช้ต่อดีกว่า ถือเป็นการทำบุญดีนะคุณเภสัช
เฮ้อ… หนูกลัวว่าคุณป้าจะได้บาปแทนน่ะสิคะ
อ้าว! ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ
ก็อาการเจ็บป่วยหรือโรคที่คุณป้าคิดว่าเหมือนกัน แท้จริงแล้วมันอาจจะกลายเป็น ‘คนละโรค’ ก็ได้นะคะ ใช้ยาผิดโรค …เดี๋ยวก็ได้ไปอยู่ ‘คนละโลก’ แย่เลย… หรือไม่… ความรุนแรงของโรคก็อาจต่างกัน จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่แตกต่างกันไป การหวังดีนำยาไปให้คนอื่น อาจทำให้รักษาไม่ได้ผล พลอยทำให้โรคที่เค้าเป็นรุนแรงมากขึ้น ดีไม่ดี เกิดแพ้ยาขึ้นมาก็ยุ่งเลยนะคะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ไม่หรอก… ก็เช่นเพื่อน ๆ ที่เป็นเบาหวานเหมือนกัน กินยาก็เหมือน ๆ กัน ไม่แพ้หรอกคุณเภสัช
อย่างนั้นก็ไม่ดีค่ะ… เพราะปกติแล้วทางโรงพยาบาลจะจ่ายยาให้ผู้ป่วยแต่ละรายไปครบตามจำนวนการใช้และตามระยะเวลาวันนัดอยู่แล้วนะคะ ถ้าใช้ยาได้ถูกต้องก็ย่อมจะไม่มียาเหลือหรือไม่มีปัญหายาไม่ครบถึงวันนัดอยู่แล้ว อีกทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังจะต้องมาพบแพทย์ตามนัดนะคะคุณป้า ไม่ใช่อยากให้ผู้ป่วยยุ่งยากในการเดินทางหรอกค่ะ แต่ยาพวกนี้… จะไม่ได้ใช้ในขนาดเดิมเสมอไปหรอกนะคะแพทย์นัดมาก็เพราะต้องการติดตามดูผลการรักษาไงคะ ถ้าไม่ดีอย่างไรก็จะได้ปรับเปลี่ยนการรักษาได้ให้เหมาะสมได้ทันการณ์ ไม่ปล่อยให้โรคลุกลามไปเยอะ การที่คุณป้านำยาไปแจกเพื่อน เพื่อนก็ไม่ได้มาตามนัด เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายถ้าโรคของเค้ามีการเปลี่ยนแปลง กว่ายาจะหมดแล้วกลับมาพบแพทย์ ก็อาจรักษาไม่ได้หรือรักษาได้ยากแล้วนะคะ …เห็นไหมว่าไม่ควรเลยกับการทำบุญแบบนี้
อืมม์… จริงด้วยสิ งั้นทีหลังป้าจะไม่ทำอย่างนั้นแล้วล่ะคุณเภสัช
ดีมากค่ะคุณป้า… รู้แล้วก็บอกต่อให้คนอื่น ๆ งดการทำบุญแบบผิด ๆ ด้วยนะคะ
3. เก็บยาให้เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงจากปัจจัยที่ทำให้ยาเสื่อมสภาพก่อนกำหนด ได้แก่ แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์ หรือภาชนะบรรจุเดิมที่ได้รับ เป็นต้นว่า ยาที่บรรจุแผง ก็ควรแกะใช้ในจำนวนที่เพียงพอต่อการใช้ในแต่ละครั้ง ดิฉันเคยพบผู้ป่วยบางราย ที่ต้องรับประทานยาบางรายการครั้งละครึ่งเม็ด เพื่อความสะดวกในการรับประทาน ญาติผู้หวังดี(อีกแล้ว)ก็เลยจัดการแกะยาทั้งหมดที่ได้รับออกจากแผง แล้วหักแบ่งครึ่งไว้ทั้งหมดซะเลย เห็นแล้วเภสัชกรปวดตับค่ะ… ห้องยาอุตส่าห์จัดหายาในรูปแบบบรรจุแผงซึ่งมีราคาแพงกว่าแบบเม็ดเปลือยมาใช้ เพราะเห็นว่ายาที่บรรจุแผงจะสามารถป้องกันแสงและความชื้นได้ดีกว่าแบบไม่บรรจุแผง แต่ผู้ใช้กลับไม่เห็นคุณค่าของแผงยา ซ้ำยังเห็นว่าไม่ใช้สะดวกไปซะอีก โถ…
และ…
4. ตรวจสอบยาที่เก็บสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง นั่นคือ…
- ตรวจสอบสภาพของยาที่เก็บ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของ รูป รส กลิ่น หรือสี อย่านำมาใช้ต่อนะคะ เพราะยานั้นมันเสียแล้ว
- กรณีที่ยานั้นมีสภาพดี ก็ยังวางใจไม่ได้ค่ะว่าจะใช้ได้อยู่ ควรตรวจสอบวันหมดอายุของยาด้วยนะคะ หากพบว่ายานั้นหมดอายุแล้ว แม้สภาพภายนอกยังดูไม่เปลี่ยนแปลงก็ห้ามนำมาใช้ต่อเช่นกันค่ะ
- ยาที่มีสภาพดี และยังไม่หมดอายุ ก็ต้องตรวจสอบฉลากยาทิ้งท้ายด้วยนะคะ (แหม… หลายขั้นตอนน่าดู ^_^) เพราะยาที่ฉลากลบเลือนหรือไม่มีฉลาก แม้ไม่เสีย แต่ก็ไม่ควรเสี่ยงนำมาใช้ค่ะ เพราะจะใช้รักษาอะไร หรือใช้ครั้งละเท่าไหร่ ใช้แล้วต้องระวังอะไร …เราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ
จำได้น่า… ต่อให้ไม่มีฉลากก็ใช้ถูก
แหม… แน่ใจหรือคะ คุณลุงรับยานี้ไปนานแล้วนะคะ
แหม… อย่าดูถูกว่าแก่นะ ความจำยังดีขนาดเด็ก ๆ ยังอายนะนั่น
งั้น… เมื่อวานตอนออกจากบ้าน ก้าวขาไหนออกก่อนคะ
โอ๊ย… ใครจะไปจำได้เล่าคุณเภสัช
อ้าว… ก็คุณลุงว่าความจำดีไม่ใช่เหรอคะ ทำไมเรื่องเมื่อวานแท้ ๆ ยังจำไม่ได้เลย แล้วคราวนี้ถ้าคุณลุงจำสรรพคุณหรือวิธีใช้ยาผิดไป คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่ะคะ
เออ… จริงด้วยนะ
เพียงทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถลดจำนวน “ยาเหลือใช้” และ “ยาขยะ” ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ และถ้าคุณผู้อ่านทำอย่างนี้ได้ครบถ้วนและสม่ำเสมอ… ก็เชิญรับโล่ผู้ป่วยดีเด่นได้ที่ห้องยานะคะ ^_^
แล้วถ้าทำตามขั้นตอน 1 – 4 แล้ว แต่ก็ยังมีเหลือใช้ – ยาขยะอยู่ที่บ้าน …จะทำไงดี?
การกำจัดที่ไม่ถูกวิธีก็ทำให้เกิดผลเสียได้ค่ะ เช่น…
- มีคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำไปใช้ต่อ โดยเฉพาะหากยานั้นทิ้งทั้งภาชนะบรรจุ เช่นแผงยา หรือขวดยา และเกิดอันตราย ซึ่งอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ค่ะ
- การทิ้งในชักโครกหรืออ่างล้างจาน เคยเป็นแนวทางที่มีการแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ในการกำจัดยาขยะด้วยตนเองอย่างง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม ระบบบำบัดน้ำเสียอาจไม่สามารถกำจัดยาออกไปได้หมด และบางส่วนก็อาจซึมออกไปสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และเสี่ยงต่อการย้อนกลับมาเกิดผลเสียต่อสุขภาพของเราในภายหลัง
ทิ้งขยะก็ไม่ได้… ทิ้งลงน้ำก็ไม่ดี… ถ้าอย่างนั้นจะกำจัดยังไง?
เอามาส่งคืนให้ห้องยาได้ค่ะ… เราจะนำไปตรวจสอบคุณภาพของยา และกำจัดยาที่เสื่อมสภาพทิ้งด้วยวิธีการที่เหมาะสมต่อไป ^_^