ความเชื่อที่ว่าอาการขาดผู้ชายไม่ได้ เป็นหนึ่งในอาการของผู้ป่วยโรคฮิสทีเรีย เป็นความเชื่อที่ผิดเพราะความเป็นจริงแล้ว โรคฮิสทีเรียเป็นความผิดปกติทางด้านจิตใจที่ครอบคลุมอาการต่างๆ ไม่ใช่แค่เพียงความต้องการทางเพศอย่างเดียวเท่านั้น มาดูกันว่าโรคฮิสทีเรียแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร
โรคฮิสทีเรียคืออะไร
โรคฮิสทีเรีย (Hysteria) คือโรคจิตเวชทางด้านประสาทชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะควบคุมอารมณ์หรือความวิตกกังวลไม่ค่อยได้ อีกทั้งความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมก็ทำได้ไม่ดีเท่าคนปกติ
ปรึกษาสุขภาพจิต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 882 บาท ลดสูงสุด 51%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อาการของโรคฮิสทีเรีย
อาการของโรคแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้
โรคประสาทฮิสทีเรีย (Conversation Reaction)
เป็นอาการของผู้ที่มีความเครียด หรือความขัดแย้งในใจ มักเกิดจากความผิดปกติที่ระบบการเคลื่อนไหวและรับรู้ ในเวลาที่มีอาการเครียดหรือผิดหวังอย่างรุนแรง เช่น มีอาการชาตามแขน ขา เป็นอัมพาต เสียการทรงตัว จมูกไม่ได้กลิ่น บางรายมีอาการสูญเสียความทรงจำอย่างกะทันหัน
ตรวจพบยาก เพราะไม่พบอาการผิดปกติ หรือสาเหตุที่ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งผู้ที่เป็นโรคนี้ก็อาจไม่รู้ตัวว่าเป็นอาการทางจิต และไม่ได้แกล้งทำ
โรคบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย (Histrionic Personality Disorder: HPD)
เป็นอาการของผู้ที่พยายามทำตัวโดดเด่น หรือพยายามเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นตลอดเวลา และมักแสดงออกมากจนเกินไปเหมือนกับเล่นละครเสแสร้ง รวมทั้งมักจะไม่สบายใจและรู้สึกไม่มั่นใจ หากตนเองไม่ได้เป็นจุดเด่นหรือไม่ได้เป็นจุดดึงดูดความสนใจของคนอื่น
ในบางครั้งอาจจะดูเหมือนยั่วยวนเพศตรงข้ามเพื่อเรียกร้องให้คนอื่นมาสนใจ หรือมีอารมณ์แปรปรวน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการขาดความรักในวัยเด็ก ไม่รู้จักพอในความรัก ซึ่งไม่ได้เกิดจากความใคร่อย่างที่เข้าใจกัน
สาเหตุของโรคฮิสทีเรีย
สาเหตุของโรคฮิสทีเรียยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจมีปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้น หรือมีความเกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
ปรึกษาสุขภาพจิต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 882 บาท ลดสูงสุด 51%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- มีปัญหากับครอบครัว ปัญหาด้านการงาน หรืออาจมีปัญหาด้านอื่นๆ ร่วมด้วย
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความกดดัน ไม่ได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่อย่างที่ควร หรือไม่สม่ำเสมอ
- มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม โดยหากบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพฮิสทีเรียได้
- เกิดจากการเลียนแบบพฤติกรรมของคนในครอบครัวที่เป็นโรคฮิสทีเรีย
การวินิจฉัยโรคฮิสทีเรีย
บางครั้งผู้ป่วยที่เป็นโรคฮิสทีเรียก็ไม่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้ ซึ่งการพบโรคมักเกิดจากการไปรักษาโรคอื่น โดยที่แพทย์พบสัญญาณผิดปกติทางกายและจิตใจ จึงได้ตรวจและวินิจฉัยโรคจนพบ อีกทั้งผู้ที่เป็นโรคฮิสทีเรียยังมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าร่วมด้วยสูง และมักเกิดการกระทบกระทั่งด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ง่าย
การรักษาและวิธีการดูแลตนเอง
การรักษาโรคฮิสทีเรียสามารถทำได้ด้วยการไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการบำบัดทางจิต โดยจะเป็นการพูดคุยหาสาเหตุ รวมทั้งปรับความคิด การเรียนรู้ และพฤติกรรมของผู้ป่วยให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น และอาจต้องมีการใช้ยาร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
ไม่แนะนำให้ซื้อยาสมุนไพรมาใช้เอง เพราะนอกจากจะเสี่ยงทำให้อาการของโรคไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่ออวัยวะอื่นได้อีกด้วย ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคนี้จึงควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดจะดีที่สุด
การป้องกันโรคฮิสทีเรีย
เนื่องจากสาเหตุของการเกิดโรคฮีสทีเรียยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด การป้องกันจึงทำได้ยากไปด้วย แต่สามารถป้องกันเบื้องต้นได้ด้วยการสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแรงจากครอบครัว
สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก และควรให้ความรักความอบอุ่นกับเด็กอย่างสม่ำเสมอ เลี้ยงดูให้มีพฤติกรรมอย่างเหมาะสม เช่น รู้จักวางตัวเวลาอยู่กับผู้อื่น รู้วิธีจัดการอารมณ์ และความเครียด เพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดี ก็พอจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคฮิสทีเรียได้
โรคฮิสทีเรียเป็นโรคที่ต้องรักษาทางด้านจิตใจ และต้องปรับหรือควบคุมพฤติกรรมทางกายให้สมดุลไปพร้อมกัน ทั้งยังต้องอาศัยเวลาและความละเอียดอ่อนในการรักษา คนรอบข้างของผู้ป่วยจึงควรเข้าใจและอดทนดูแลอย่างจริงใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยข้ามผ่านโรคนี้ไปได้ และกลับมามีจิตใจและพฤติกรรมทางกายปกติเหมือนบุคคลทั่วไปในที่สุด