“อาการปวดท้อง” เป็นอาการเตือนที่ชัดเจนกรณีที่จะเกิดช็อกโกแลตซีสต์ โรคนี้เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน ปัจจุบันนี้พบว่ามีคนที่เป็นช๊อคโกแลตซีสต์เยอะขึ้น คนใกล้ตัวเป็นกันเยอะขึ้น ฉะนั้นอย่าชะล่าใจ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่ทราบสาเหตุ ต้องทำความรู้จักเอาไว้อย่างด่วน
ช็อกโกแลคซีสต์ คืออะไร?
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) เป็นอาการที่เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติภายในเยื่อบุโพรงมดลูก สาเหตุส่วนใญ่เกิดจากประจำเดือนที่ไหลออกมาไม่หมด หรือทางการแพทย์บางท่านเรียกว่าประจำเดือนไหลย้อนกลับ คือแทนที่เลือดจะไหลออกมาทางช่องคลอดตามปกติ แต่กลับมีประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนไปทางมดลูก แล้วเข้าไปฝังตัวที่อื่น ๆ จนทำให้เกิดเป็นพังผืด หรือถ้าไหลไปที่รังไข่ ก็จะเกิดเป็นถุงน้ำและสามารถโตได้เรื่อย ๆ จนแตกได้เลย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ช็อกโกแลตซีสต์ มีอีกหลายชื่อเรียก เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือถุงน้ำช็อกโกแล็ต เหตุที่เรียกว่าช๊อกโกแลตนี้เนื่องจาก สีของเลือดประจำเดือนตกค้างที่เหมือนสีของช๊อกโกแลต การผิดปกติที่เซลล์เจริญเติบโตผิดที่นี้ จะเป็นอาการที่เกิดจากการสะสม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนไม่รู้ตัวเพราะไม่ได้รู้สึกเจ็บป่วยอะไร จนกระทั่งนานวันเข้าถุงน้ำโตเต็มที่จนเกิดอาการปวดอย่างรุนแรง
อาการของคนที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์
บางคนที่เป็นช๊อกโกแลตซีสต์อาจเริ่มมีสัญญาณเตือนบางอย่าง แต่ที่อันตรายคือกลุ่มคนไม่มีสัญญาณเตือนอะไรเลย ไม่ปวดท้องแต่ร่างกายแอบสร้างถุงน้ำจนเกิดขนาดใหญ่แล้วจึงค่อยเกิดการอักเสบแล้วปวดรุนแรงในที่สุด สัญญาณต่อไปนี้จะช่วยบ่งบอกว่าคุณอาจกำลังมีความเสี่ยงต่อการเป็นช๊อคโกแลตซีสต์เข้าแล้ว
- ปวดท้องมากผิดปกติเวลามีประจำเดือน ปวดร้าวไปทั่วทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ร้าวไปทั่วอุ้งเชิงกราน บั้นเอว รวมถึงก้นกบ
- โดยอาการปวดท้องนี้อาจเกิดได้ทั้งด้านซ้าย หรือด้านขวา หรือกลางท้อง (ตำแหน่งต่ำกว่าสะดือเหนือขาหนีบ) เพราะซีสต์สามารถเกิดได้ทั้งรังไข่ที่อยู่ด้านข้าง หรือบริเวณมดลูกซึ่งอยู่ตรงกลาง
- คนที่ปวดท้องเวลามีประจำเดือน เมื่อประจำเดือนหมดอาการปวดจะหายไป แต่ถ้าคนที่เป็นช๊อกโกแลตซีสต์ บางครั้งจะปวดแม้ประจำเดือนหมดแล้ว
- โดยปกติประจำเดือนของคนเราอาจมาก่อนหรือหลังได้ 7 วัน แต่เมื่อไหร่ที่ประจำเดือนมาช้ากว่านั้น อาจเป็นสัญญาณเตือนได้ว่าเราเริ่มมีความผิดปกติภายในเข้าแล้ว
- มีเลือดออกในช่วงที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน หรือเป็นประจำเดือนหมดไปแล้วกลับพบว่ามีเลือดออกอีกรอบ
- ปัสสาวะบ่อยขึ้น นั่นเป็นเพราะก้อนซีสต์มีขนาดใหญ่จนไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ
- ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือดในช่วงมีประจำเดือน
- มักจะปวดท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์
- ปวดไมเกรนบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน
- บางรายอาจไม่มีอาการ แต่คลำพบก้อนแข็งบริเวณท้องน้อย
- ถ้าเป็นคนผอมแต่มีพุง ให้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีถุงน้ำขนาดใหญ่เกิดขึ้นภายในท้อง
ฉะนั้นคุณผู้หญิงทุกคนควรตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อหาสิ่งบกพร้องที่อาจเกิดขึ้น เพราะหากมีถุงน้ำหรือโพรงมดลูกทำงานไม่ปกติ จะสามารถมองเห็นด้วยการส่องกล้อง หรืออัลตร้าซาวนด์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณผู้หญิงควรหมั่นสังเกตสุขภาพขอตัวเองว่ามีความผิดปกติเหล่านี้หรือไม่
อย่าชะล่าใจช็อกโกแล็ตซีสต์สามารถเกิดได้กับผู้หญิงทุกคน
ผู้หญิงที่เริ่มมีประจำเดือนแล้วจนกระทั่งจนถึงวัยหมดประจำเดือน สามารถมีความเสี่ยงที่จะเกิดช๊อกโกแลตซีสต์ได้ทุกคน เพราะเป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนผู้หญิง โดยเฉพาะคนโสดหรือคนที่มีบุตรช้า หลายคนเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธุ์ หรือการที่มีลูกจะช่วยลดโอกาสการเกิดช๊อกโกแลตซีสส์ได้ ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจและป้องกันไว้ก่อน ผู้หญิงทุกคนควรทำการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ ไม่ว่าจะยังเป็นโสดหรือแต่งงานแล้วก็ตาม
การรักษาเมื่อเป็นช็อกโกแล็คซีสต์
- รักษาด้วยยา หากพบซีสต์ได้เร็วจะมีอันตรายน้อย เพราะยังเป็นก้อนที่มีขนาดเล็ก แพทย์อาจให้การรักษาด้วยยา เพื่อยังยั้งการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิง เช่นการกินยาคุม และต้องหมั่นไปตรวจก้อนซีสต์บ่อย ๆ ว่ามีขนาดลดลงหรือไม่ อย่างไร
- การผ่าตัด แต่ถ้าหากพบก้อนซีสต์เมื่อโตเต็มที่ หรือจนปวดท้องมาก ๆ แล้ว วิธีการรักษาคือต้องผ่าตัดเอาออก แต่โชคดีที่การผ่าตัดสมัยนี้มีให้เลือกทั้งการผ่าแบบเปิดหน้าท้องและการส่องกล้อง ทำให้ผู้ป่วยมีบาดแผลเล็กกว่า สูญเสียเลือดน้อยกว่า และฟื้นตัวเร็วกว่าด้วย
วิธีป้องกันการเกิดช็อกโกแลตซีสต์
การปวดเพราะช๊อกโกแลตซีสต์ นอกจากจะต้องปวดจนทรมานแล้ว ขนาดของมันยังเข้าไปเบียดรังไข่และท่อรังไข่จนคดงอ อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เสี่ยงที่จะผลิตไข่ไม่ได้คุณภาพ ไข่กับอสุจิที่ผสมกันได้แล้วอาจฝังตัวไม่สะดวก เป็นเหตุให้มีโอกาสที่จะมีบุตรยากนั่นเอง ทางที่ดีจึงควรป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- หมั่นสำรวจตัวเอง ว่ามีอาการของ โรคช็อกโกแลตซีสต์บ้างหรือไม่
- หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อหาความเสี่ยง หากไม่แน่ใจ แนะนำให้พบแพทย์ทันที
- ดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฮอร์โมนภายในร่างกายได้ดีที่สุด
- เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพื่อป้องกันเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ