เมื่อคิดถึงนิ่วในถุงน้ำดี คุณอาจคิดถึงอาการปวดท้องรุนแรง อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วคือกว่า 80% ของคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีจะไม่เคยมีอาการเลยในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นคือโอกาสที่จะมีอาการก็จะลดลงไปตามอายุด้วย ดังนั้น นิ่วเหล่านี้คืออะไร มาจากไหน และมีอะไรที่ต้องกังวลบ้าง
นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร
นิ่วในถุงน้ำดีจะเกิดขึ้นเมื่อมีความไม่สมดุลขององค์ประกอบในน้ำดี ซึ่งพบว่ามีผลึกโคเลสเตอรอลเป็นองค์ประกอบได้ 37-86% มีเม็ดสีเป็นองค์ประกอบได้ 2-27% หรือประกอบด้วยทั้งสองอย่าง ซึ่งพบได้ 4-16% เมื่อก้อนนิ่วเคลื่อนที่ไปอุดท่อน้ำดี ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างตับ ตับอ่อน และลำไส้เล็กส่วนแรก อาการปวดท้องฉับพลันจะเกิดขึ้นในบริเวณท้องด้านขวาบน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
มีสาเหตัมากมายที่ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ภาวะอ้วน และอาหารที่ เช่นขนมปังขาวและพาสต้า ไขมัน อาหารพลังงานต่ำ และการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ล้วนเกี่ยวข้องกับนิ่วในถุงน้ำดี นอกจากนี้ โอกาสที่จะเกิดนิ่วในถุงน้ำดียังเพิ่มขึ้นตามอายุ และเพศก็อาจมีผลเช่นกัน โดยพบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน
อาการของนิ่วในถุงน้ำดี
ใน 20% ของผู้ที่มีนิ่วในถุงน้ำดีจะมีอาการปวดท้องรุนแรง เรียกว่าอาการปวดท้องจากนิ่วในถุงน้ำดี (gallbladder attack) อาการปวดนี้มักจะเกิดหลังจากผู้ป่วยรับประทานอาหารมันๆ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นในเวลาอื่นๆ ได้เช่นกันเช่นในเวลากลางคืน
ประมาณ 1-4% ของคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีจะมีอาการราวปีละครั้ง อาการของนิ่วในถุงน้ำดี อาจมีดังนี้
-อาการปวดในช่องท้องส่วนบนที่แย่ลงอย่างรวดเร็วและมีอาการปวดได้นานหลายนาทีถึงหลายชั่วโมง
-อาการปวดที่หลังบริเวณระหว่างสะบักทั้งสองข้าง
-อาการปวดใต้ไหล่ขวา
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
-อาการคลื่นไส้ และหรืออาเจียน
-อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
-รับประทานอาหารมันๆ ไม่ได้
-แก๊ส
-อาการแสบร้อนยอดอก
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หากคุณมีอาการใดอาการหนึ่งดังต่อไปนี้ร่วมกับอาการใดๆ ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ คุณควรไปพบแพทย์ทันที
-หนาวสั่น
-ไข้ต่ำๆ
-ดีซ่าน (ผิวหนังหรือนัยน์ตาขาวเป็นสีเหลือง)
-อุจจาระเป็นสีเทาดำ (clay colored stool)
เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว แพทย์อาจสั่งตรวจการทำงานของตับ และอัลตราซาวน์ช่องท้อง แพทย์อาจส่งตรวจเช่นนี้เหมือนกันหากคุณมีอาการปวดท้อง หรือมีอาการทางเดินอาหารเรื้อรัง