หูด (Warts) คือโรคผิวหนังที่ก่อให้เกิดตุ่มแข็งนูนขนาดต่างๆ กัน และมีรากอยู่ข้างใต้ หูดสามารถเกิดได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะในคนอายุน้อยอย่างเด็กเล็กและวัยรุ่น ส่วนมากเรามักจะคุ้นเคยกับหูดที่เกิดกับผิวหนังภายนอก อย่างบริเวณง่ามมือ ง่ามเท้า แต่รู้หรือไม่ว่า หูดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับแทบทุกส่วนทั่วร่างกาย รวมถึงตามเยื่อบุต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ หูดยังสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้อีกด้วย
สาเหตุของโรคและการติดต่อ
โรคหูด มีสาเหตุมาจากเชื้อ Human papilloma virus (HPV) ซึ่งไวรัสชนิดนี้ เมื่ออยู่ในเซลล์ผิวหนัง จะกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการหนาตัว นูนและแข็งขึ้น โรคหูดสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสผ่านผิวหนัง เช่น ไปสัมผัสโดนผิวหนังส่วนที่เป็นหูด หยิบจับของที่มีเชื้อโรค เชื้อไวรัสอาจเข้าสู่ร่างกายทางปาก ทางบาดแผลขีดข่วน รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อก็ทำให้ติดโรคหูดได้เช่นกัน นอกจากนี้ การแกะเกาผิวหนังที่เป็นหูด ก็สามารถทำให้เชื้อไวรัสกระจายไปยังบริเวณอื่นของร่างกายได้อีกด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ประเภทของหูดและอาการ
หูดสามารถแบ่งตามลักษณะของตุ่มและตำแหน่งที่เกิดได้ ดังนี้
1. หูดบนผิวหนังทั่วๆ ไป เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งมีอยู่หลายลักษณะ เช่น
- หูดทั่วไป (Common warts) ลักษณะเป็นตุ่มนูน ขรุขระ ขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร มักเกิดขึ้นที่มือ เท้า และหัวเข่า
- หูดชนิดแบนราบ (Plane warts) ผิวบริเวณหูดจะค่อนข้างเรียบ หรือนูนออกมาเพียงเล็กน้อย และมักเกิดขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณใบหน้า มือ และหน้าแข้ง
- หูดฝ่ามือและฝ่าเท้า (Palmar และ Plantar warts) มีลักษณะคล้ายตาปลา คือผิวหนังหนา แข็งเป็นไต ขรุขระ มีขนาดใหญ่เป็นปื้น และเจ็บเมื่อกดโดน เกิดขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า
2. หูดที่อวัยวะเพศ หรือ หูดหงอนไก่ เป็นหูดลักษณะนูน และตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับหงอนไก่ เกิดได้กับทั้งชายและหญิง และติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์
3. หูดที่เยื่อบุ สามารถพบได้ที่เยื่อบุตา เยื่อบุกล่องเสียง ซึ่งมักเกิดในทารกที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จากมารดาขณะคลอด ลักษณะคล้ายกับหูดทั่วไป คือเป็นตุ่มนูนขรุขระ
โดยทั่วไป หูดจะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บ หรือคันระคายเคือง ยกเว้นหูดขนาดใหญ่ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า หากไปกดโดนจะรู้สึกเจ็บปวดได้ และเชื้อไวรัส HPV อาจมีการเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้หูดค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
การรักษาหูด
- ปล่อยให้หายเอง ในคนส่วนใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ หูดจะยุบหายเองได้ภายใน 1-2 ปี โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ดังนั้น คนจำนวนมากจึงเลือกปล่อยไปโดยไม่รักษา
- รักษาด้วยยา มีทั้งยาทาที่มีกรดซาลิซิลิกเป็นส่วนประกอบ ยาฉีดเฉพาะที่ และยากิน ซึ่งหากต้องการรักษาด้วยยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากยาอาจมีผลต่อเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้เคียงด้วย
- รักษาด้วยการจี้ หากหูดนูนและหนามาก อาจต้องจี้ด้วยไนโตรเจนเหลว ไฟฟ้า หรือเลเซอร์ เพื่อให้ผิวหนังส่วนนั้นนุ่มลง และพองเป็นตุ่มน้ำ แผลพองจะค่อยๆ ตกสะเก็ดและยุบลง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
- รักษาด้วยการผ่าตัด แพทย์จะทำการตัดก้อนเนื้อใต้หูดออกไป วิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมนักเพราะทำให้เกิดความเจ็บปวด และแผลอาจติดเชื้อได้
การป้องกันหูด
- งดการสัมผัสกับหูดของผู้อื่น รวมถึงไม่ใช้สิ่งของส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้ที่เป็นหูด
- ไม่แคะแกะเกาผิวหนังจนเกิดบาดแผล เพราะจะเป็นช่องทางให้เชื้อไวรัสเข้าไปสู่เซลล์ได้
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โดยการสวมถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการติดโรคหูดหงอนไก่
- วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV บางสายพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุของหูดได้