ผักที่ไม่มีแป้งส่วนใหญ่จะมีคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก คือน้อยกว่า 5 กรัมสำหรับครึ่งถ้วย แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างพวกมันอยู่ ต่อไปนี้จะเป็นกฎง่าย ๆ ที่แบ่งผักออกเป็นสี่กลุ่ม ขึ้นอยู่กับว่ามาจากส่วนไหนของพืช แม้จะมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง แต่ในฐานะกฎที่ใช้ทั่วไปแล้ว นี่ก็ใช้ได้ดีเลยทีเดียว
1. ใบ
มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตมากที่สุด และส่วนที่มีอยู่น้อยมากก็ยังถูกห่อหุ้มด้วยเส้นใยมากมายเสียจนแทบจะไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด (ความจริงที่ว่ามันมีวิตามินเคอยู่ในปริมาณมากก็ช่วยได้)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มันยังเต็มไปด้วย phytonutrients วิตามินและเกลือแร่ ตัวอย่างเช่น ผักกาด ผักโขม สวิสชาร์ด สมุนไพร อัลฟัลฟ่า และหญ้าทั้งหลายก็เช่นกัน (แต่หากคุณบดมันรวมกันอย่างในขนมปัง ข้อดีทั้งหลายก็จะหมดไป ระวังเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดไว้ด้วย)
2. ก้านและดอกเป็นลำดับถัดมา
ทั้งหน่อไม้ฝรั่ง กระหล่ำดอก บรอกโคลี่ และฉันยังจัดเห็ดไว้ในกลุ่มนี้ด้วย
3. ผล
ฉันหมายถึงส่วนของพืชที่มีเมล็ดอยู่ หมายถึงผลของพืชในทางพฤกษศาสตร์ ถึงแม้เรามีแนวโน้มจะเรียกว่า "ผล" เนื่องจากมีรสหวานแค่นั้น
แต่จะรวมทั้งพริกหวาน สควอชทุกประเภท ถั่วเขียว มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ และมะเขือ อโวคาโดก็เป็นผลเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีแคลอรี่ต่ำกว่าอย่างอื่น กล้วยกล้าย (plantains) มีแคลอรี่มากที่สุดในกลุ่มนี้ ซึ่งก็สมเหตุสมผล เนื่องจากกล้วยเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตมากที่สุด
4. รากและเมล็ด
รากหลายชนิดมีคาร์โบไฮเดรตสูงมาก เช่น พาร์สนิป แห้ว มันฝรั่ง และมันเทศ อย่างไรก็ตาม บางอย่างก็มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ เช่น jicama และหัวไชเท้า ซึ่งรากขึ้นฉ่ายฝรั่ง (celery) และแครอทก็เช่นกัน เมล็ดที่เป็นผักส่วนใหญ่มักเป็นพืชตระกูลถั่ว รวมถึงถั่วฝักยาวและข้าวโพด