- อาการเคืองตา เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้ สัมผัสสารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอม ตาแห้ง
- อาการแทรกซ้อนของอาการเคืองตา ได้แก่ ตาแดง เป็นตากุ้งยิง เป็นต้อ
- วิธีรักษาอาการเคืองตาที่ดีที่สุดคือจัดการที่ต้นเหตุ ร่วมกับรักษาความสะอาด ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด
- ควรพบจักษุแพทย์หากอาการรุนแรงขึ้น
สภาพอากาศของประเทศไทยมีฝุ่นและควันพิษจำนวนมาก จึงทำให้หลายคนเกิดการระคายเคืองตาจนนำไปสู่ความผิดปกติอื่นๆ ของดวงตา ฉะนั้นจึงควรรู้วิธีป้องกันเมื่อเกิดอาการเคืองตาและความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
อาการเคืองตาเป็นอย่างไร?
เคืองตาคืออาการคันยุบยิบรอบดวงตาหรือในดวงตา เนื่องจากเกิดความระคายเคือง รู้สึกแสบ ลืมตาลำบาก บางรายอาจรู้สึกเจ็บและขยี้เพื่อบรรเทาอาการ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หากบรรเทาอาการผิดวิธี อาจส่งผลให้นำไปสู่ภาวะตาบอดได้ ฉะนั้นจึงควรอ่านและศึกษาวิธีจัดการที่ถูกต้องเมื่อเกิดอาการเคืองตา
อาการเคืองตาเกิดจากอะไร?
เคืองตาเกิดได้จากหลายปัจจัย ส่วนมากจะเคืองตาเมื่อสัมผัสสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์ แมลง ขี้เลื่อย ยาปฏิชีวนะบางชนิด การติดเชื้อ ควันพิษ สารพิษจากยาฆ่าแมลง และอาการภูมิแพ้ สาเหตุหลักๆ ที่พบได้บ่อยมีดังต่อไปนี้
1. เคืองตาจากภูมิแพ้
ภูมิแพ้คืออาการที่ภูมิต้านทานของร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมมากเกินไป แม้สิ่งแปลกปลอมนั้นอาจไม่ได้เป็นอันตรายก็ตาม เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่นเล็กน้อย ก็ทำให้เคืองตาได้แล้ว จึงสร้างความรำคาญต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
- สาเหตุของอาการภูมิแพ้
สาเหตุของโรคภูมิแพ้อาจเกิดได้จากกรรมพันธุ์ และตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก เช่น ควันไอเสีย ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่ภูมิแพ้ตาก็อาจส่งผลกระทบต่อตาได้เช่นกัน บางคนเป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ก็อาจแสดงอาการแพ้ผิวหนัง ตา และอาหารได้ - บรรเทาอาการเคืองตาจากภูมิแพ้ตาเบื้องต้น
หากเป็นภูมิแพ้ตาแล้วเกิดอาการเคืองตา ให้สังเกตว่าอะไรทำให้แพ้แล้วหยุดใช้ทันที อาจเป็นเครื่องสำอาง ไรฝุ่น จากนั้นกินยาแก้แพ้ คลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine) ซึ่งเป็นยาต้านฮีสตามีน ลดอาการแพ้ได้
หรืออาจใช้น้ำแข็งใส่ในถุงพลาสติกและผ้าสะอาดห่อซ้อนอีกครั้งเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกจากน้ำแข็ง ประคบเปลือกตาเพื่อลดอาการคันและบวมที่ดวงตา ไม่ควรใช้ผ้าซ้ำหากยังไม่ได้ทำความสะอาด หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยต่อไป
- วิธีรักษาอาการเคืองตาจากภูมิแพ้ตา
ภูมิแพ้สามารถบรรเทาอาการได้ แต่บางรายไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยแพทย์อาจให้กินยาภูมิแพ้ตามอาการ ร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
2. เคืองตาจากสารเคมีเข้าตา
สารเคมีเข้าตาไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันเราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสารเคมีจำนวนมาก เช่น ยาฆ่าแมลง สารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม น้ำยาดับกลิ่นแบบสเปรย์ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการเคืองตาเมื่อสารเคมีเข้าตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- สาเหตุของการเคืองตาจากสารเคมีเข้าตา
สารเคมีส่วนใหญ่ที่ทำร้ายดวงตาจะมีความเป็นกรดและด่าง หากสารเคมีที่เข้าตามีความเป็นกรด จะทำให้เกิดความระคายเคืองตา แสบ เนื่องจากกรดทำลายตาในชั้นตื้น เช่น กระจกตา เยื่อบุตา เปลือกตา
แต่หากสารเคมีที่เข้าสู่ดวงตามีความเป็นด่าง นอกจากจะทำลายชั้นชื้นของดวงตาแล้ว ยังซึมเข้าสู่ลูกตาและทำลายม่านตาด้วย ฉะนั้นสารเคมีที่เป็นด่างจึงมีความอันตรายมากกว่ากรด
อาการจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกรดและด่างที่สัมผัสดวงตา ปริมาณที่ได้รับ รวมถึงระยะเวลาที่ดวงตาสัมผัสกับสารเคมี
- บรรเทาอาการเคืองตาจากสารเคมีเข้าตาเบื้องต้น
เมื่อรู้ตัวว่าถูกสารเคมีจนระคายเคืองตา สิ่งสำคัญที่สุดคือใช้น้ำสะอาดล้างตาปริมาณมากนานๆ หากสารเคมีที่เข้าตามีความเข้มข้น อาจต้องล้างนาน 20-30 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงตาถูกทำลาย
นอกจากนี้หากมีสิ่งแปลกปลอมอื่นเข้าตาพร้อมกับสารเคมีด้วย ให้ใช้ไม้พันด้วยสำลีสะอาดเขี่ยออก และล้างน้ำจำนวนมากอีกครั้ง จากนั้นรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที
- วิธีการรักษาอาการเคืองตาจากสารเคมีเข้าตา
จักษุแพทย์จะใช้เครื่องมือเพื่อถ่างตาและล้างด้วยน้ำเกลือสะอาดฆ่าเชื้อปริมาณมากตั้งแต่ 2-10 ลิตร ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของสารเคมีที่เข้าตา ระหว่างนี้จักษุแพทย์จะคอยตรวจค่าความเป็นกรดด่างอยู่เสมอ
เมื่อล้างน้ำเกลือจนดวงตามีค่าเป็นกลาง จึงจะรักษาตามอาการต่อไป เช่น หากมีเนื้อเยื่อตายจะเอาออก หากมีอาการเคืองตาปวดตา อาจให้ยาแก้ปวด
3. เคืองตาจากการสัมผัสสิ่งแปลกปลอม
สิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดเล็กมีโอกาสที่จะเข้าตาได้ตลอดเวลา เช่น หากเดินปะทะกับลมแรง หรือกวาดฝุ่นในบ้าน ทำให้เกิดอาการเคืองตาได้ เราจึงควรหาวิธีป้องกันอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับดวงตา
- สาเหตุของการเคืองตาจากการสัมผัสสิ่งแปลกปลอม
เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตา เราจะรู้สึกระคายเคืองตา เนื่องจากสิ่งแปลกปลอมอาจขูดกับกระจกตาหรือเยื่อบุตา ทำให้รู้สึกระคายเคือง นอกจากนี้บางครั้งสิ่งแปลกปลอมอาจติดในเปลือกตาด้านบน ทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมนั้น แต่ยังคงรู้สึกถึงความระคายเคืองตาด้านบนอยู่
- บรรเทาอาการเคืองตาจากการสัมผัสสิ่งแปลกปลอม
หากรู้ตัวว่าสิ่งแปลกปลอมเข้าตาให้กระพริบตาถี่ๆ และจับเปลือกตายกขึ้นให้ห่างจากดวงตาเล็กน้อยด้วยความระมัดระวัง จะมีโอกาสทำให้สิ่งแปลกปลอมนั้นหลุดออกมาได้
หากสิ่งแปลกปลอมยังไม่หลุดและรู้สึกเคืองตาอยู่ ให้ใช้น้ำสะอาดล้างพร้อมกับกรอกตาไปมาให้สิ่งสกปรกหลุดลอกออกไป
สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดก็คือการขยี้ตา เนื่องจากจะทำให้กระจกตาดำถลอก ติดเชื้อ และนำไปสู่อาการผิดปกติทางตาอื่นๆ ได้อีกมากมาย
- วิธีการรักษาอาการเคืองตาจากการสัมผัสสิ่งแปลกปลอม
โดยปกติ หากทำตามวิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นแล้ว สิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กมักจะหลุดออกได้อยู่แล้ว แต่หากยังคงมีสิ่งแปลกปลอมบางชนิดที่ติดแน่น เช่น แมลง หรือผงเหล็ก
ให้หาผ้าก๊อซสะอาดปิดตาไว้ แล้วไปพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาตามอาการต่อไป เนื่องจากจักษุแพทย์จะมีเครื่องมือที่เหมาะสมในการนำสิ่งแปลกปลอมแต่ละชนิดออกจากดวงตา
4. เคืองตาจากอาการตาแห้ง
ตาแห้ง เป็นอีกหนึ่งอาการที่ทำให้เกิดการระคายเคืองตามากในปัจจุบัน เนื่องจากหลายคนทำงานที่ส่งผลต่อทำให้ตาแห้งและเคืองตาโดยไม่รู้ตัว
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- สาเหตุของอาการเคืองตาจากอาการตาแห้ง
ตาแห้งเกิดจากการใช้สายตาเพ่งมองหน้าจอหรือปะทะกับลมเป็นเวลานานโดยไม่หยุดพัก เมื่อใช้สมาธิเพ่งหน้าจอจะทำให้เรากระพริบตาน้อยลงโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้น้ำในตาระเหยออกได้ง่าย เมื่อทำไปสักระยะจะรู้สึกเคืองตาและแสบตา
- บรรเทาอาการเคืองตาจากอาการตาแห้งเบื้องต้น
หากเกิดอาการตาแห้งขึ้น เริ่มรู้สึกระคายเคืองตาหรือแสบตา ให้ใช้น้ำตาเทียมที่ไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย จะสามารถใช้ได้ทุกครั้งเมื่อมีอาการ แต่หากใช้น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ควรเว้นระยะ 4 ชั่วโมงก่อนหยอดครั้งต่อไป
หากไม่มีน้ำตาเทียม ให้พักสายตาจากหน้าจอคอมหรือโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ กระพริบตาให้บ่อยขึ้นขณะทำงานก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน
- วิธีการรักษาอาการเคืองตาจากอาการตาแห้ง
การรักษาและป้องกันอาการตาแห้งนั้นเพียงแค่ปรับพฤติกรรมการทำงานเท่านั้น โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ทำงานหน้าคอมในห้องแอร์ ทำให้เกิดจาแห้งได้ง่าย ควรพักสายตาเป็นระยะทุก 20-30 นาที รวมถึงจัดวางหน้าจอคอมให้อยู่ในระดับพอดีกับสายตา
นอกจากนี้ควรเลือกหน้าจอที่กรองแสงหรือสวมแว่นกรองแสงสีฟ้าจากหน้าจอ เพื่อลดอาการเมื่อยล้าเคืองตาจากการทำงานด้วย
อาการเคืองตานำไปสู่อาการแทรกซ้อนอะไรได้บ้าง?
หากเกิดอาการเคืองตาแล้วจัดการไม่ถูกวิธี เผลอขยี้ตาจนกระจกตาดำถลอก หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าตามีเชื้อโรค ก็อาจทำเกิดความผิดปกติแทรกซ้อนตามมา ดังนี้
1. ตาแดง มีขี้ตา จากอาการเคืองตา
คนที่ติดเชื้อตาแดงมักจะมีอาการเริ่มต้นคือระคายเคืองตา ปวดตา จากนั้นเมื่อผ่านไป 1-2 วันจะเกิดเป็นตาแดง บวม น้ำตาไหลเยอะ อาจเป็นข้างเดียวหรือลามทั้ง 2 ข้างเลยก็ได้
- สาเหตุของอาการตาแดง
อาการเคืองตา ตาแดง เกิดจากเชื้อไวรัสอะดีโนไวรัส (Adenovirus) ที่มักมากับหน้าฝน เราจึงมักเห็นคนเป็นตาแดงในช่วงหน้าฝนกันเยอะ ที่สำคัญคือเชื้อไวรัสตัวนี้สามารถแพร่กระจายผ่านอากาศ
การสัมผัสน้ำตาของผู้ที่มีเชื้อแล้วนำมือไปขยี้เมื่อเคืองตา ก็จะทำให้ติดเชื้อตาแดงได้เช่นกัน หากติดเชื้อแล้วจะฟักตัวได้ใน 1-2 วัน เชื้อไวรัสสามารถลามไปยังตาอีกข้างได้ภายใน 2-3 วัน
นอกจากนี้ การแลบลิ้นใส่ผู้ที่เป็นตาแดงไม่ได้ช่วยช่วยป้องกันโรคตาแดงแต่อย่างใด เป็นแค่วิธีสอนเด็กให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ที่ตาแดง เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางอากาศและน้ำตาเท่านั้น
ระหว่างนี้หากติดเชื้อแบคทีเรียจากการขยี้ตาหรือสัมผัสสิ่งสกปรก ก็จะทำให้สายตามัว เคืองตาและปวดตามากขึ้น
- บรรเทาอาการเคืองตาและตาแดงเบื้องต้น
เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าติดเชื้อตาแดง รู้สึกเคืองตา การรักษาความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียขณะสัมผัสบริเวณรอบดวงตา หมั่นใช้กระดาษเนื้อนุ่มสะอาดซับน้ำตาและทิ้งอย่างมิดชิดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ไม่ควรใช้ผ้าซับน้ำตาซ้ำ เพราะเป็นการสะสมเชื้อโรคและกลับมาติดซ้ำได้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงที่ชุมชน และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น รวมถึงหยุดเรียนหรือหยุดงานประมาณ 1 สัปดาห์จนกว่าอาการจะหายดี
- วิธีรักษาอาการเคืองตา ตาแดง
หากมีอาการตาแดงในระยะเริ่มต้น กระจกตายังคงดูปกติไม่ขุ่นมัว จักษุแพทย์อาจให้ใช้การประคบเย็นร่วมกับหยอดยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน
แต่หากอาการตาแดงเริ่มเป็นพังผืดที่เยื่อบุตา สู้แสงไม่ได้ เคืองตามาก ตามัว แพทย์อาจให้ยาหยอดตากลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid) เพื่อลดการระคายเคืองตารวมถึงเยื่อบุตาอักเสบ
2. เปลือกตาเป็นตุ่มหนองหรือตากุ้งยิงจากอาการเคืองตา
คนที่เป็นตากุ้งยิงจะสังเกตเห็นเม็ดกลมๆ บวมขึ้นมาได้ชัดเจนบริเวณเปลือกตา อาจเป็นได้ทั้งเปลือกตาบนและล่าง มีอาการปวด มีหนองออกมาจนทำให้ขี้ตาเยอะ ระคายเคืองตา ถ้าบวมมากอาจทำให้ใช้สายตาลำบากมากขึ้น
- สาเหตุของเปลือกตาเป็นตุ่มหนองหรือตากุ้งยิง
ตากุ้งยิงอาจเกิดได้จากทั้งการอุดตันของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตาล่างและเปลือกตาบนทำให้เกิดการสะสมของเหลวภายในเปลือกตาและบวมออกมาจนเห็นได้ชัด หรืออาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียก็ได้
เมื่อเกิดความระคายเคืองตา หลายคนมักจะขยี้ตาด้วยมือที่ไม่สะอาดทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาดก็ทำให้เกิดตากุ้งยิงได้เช่นกัน
- บรรเทาอาการตาเป็นตุ่มหนองหรือตากุ้งยิงเบื้องต้น
เมื่อเริ่มมีอาการ หากไม่สามารถไปหาจักษุแพทย์ได้ในทันที ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบดวงตาครั้งละ 15-20 นาที วันละ 3-4 ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการบวมเจ็บตา และช่วยระบายต่อมไขมันเปลือกตาไม่ให้อุดตัน
นอกจากนี้ควรระวังเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสบริเวณรอบดวงตา และไม่ควรบีบหนองที่ตาออกด้วยตัวเอง เพราะแรงบีบจะทำให้แผลอักเสบและเคืองตามากขึ้น
- วิธีรักษาเปลือกตาเป็นตุ่มหนองหรือตากุ้งยิง
หากรีบไปพบจักษุแพทย์ตั้งแต่อาการยังไม่รุนแรง ไม่มีหนอง อาจใช้แค่ยาปฏิชีวนะในการรักษาเท่านั้น แต่หากเกิดเป็นฝีหนองขึ้นแพทย์จะต้องทำการกรีดเจาะหนองบริเวณเปลือกตาออก โดยจักษุแพทย์จะฉีดยาชาเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ
หลังจากนั้นผู้ป่วยยังอาจต้องรับประทานยาร่วมกับยาหยอดตาอีกด้วย และหากมีอาการปวดสามารถกินยาพาราเซตามอลครั้ง 1-2 เม็ดเพื่อบรรเทา
3. เป็นต้อที่ตาจากอาการเคืองตา
ต้อที่ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเคืองตาบ่อยๆ ผู้ป่วยที่เป็นต้อจะมีความสามรถในการมองเห็นลดลง เห็นภาพไม่มัวและจำเป็นต้องทำการรักษา
- ประเภทและสาเหตุของต้อที่ตา
สามารถแบ่งประเภทที่พบบ่อยได้ 2 ประเภทดังนี้- ต้อลมและต้อเนื้อ จะสังเกตเห็นเป็นเยื่อสีขาวขุ่นบริเวณตาขาว (หัวตาและขอบตา) หรือบางครั้งอาจมีสีแดงเนื่องจากเส้นเลือดฝอยในตาแตก อาการนี้เกิดจากดวงตาสัมผัสสิ่งแปลกปลอมทำให้ระคายเคืองตา เช่น ฝุ่น ควัน แสงแดด อาการที่เกิดขึ้นบริเวณตาขาวนี้เรียกว่าต้อลม
ถ้าหากปล่อยไว้นานหรือระคายเคืองตาบ่อยๆ เยื่อตาของต้อลมจะค่อยๆ กินพื้นที่เข้าไปยังกระจกตาดำ ทำให้เห็นเป็นสีแดงขุ่นๆ รอบตาดำ และเกิดความระคายเคืองตาได้ อาการนี้เรียกว่าต้อเนื้อ
- ต้อลมและต้อเนื้อ จะสังเกตเห็นเป็นเยื่อสีขาวขุ่นบริเวณตาขาว (หัวตาและขอบตา) หรือบางครั้งอาจมีสีแดงเนื่องจากเส้นเลือดฝอยในตาแตก อาการนี้เกิดจากดวงตาสัมผัสสิ่งแปลกปลอมทำให้ระคายเคืองตา เช่น ฝุ่น ควัน แสงแดด อาการที่เกิดขึ้นบริเวณตาขาวนี้เรียกว่าต้อลม
- ต้อกระจก เป็นอาการที่เห็นได้ชัดจากภายนอก โดยเลนส์แก้วตาภายในดวงตาจะมีสีขาวขุ่น ผู้ที่เป็นจะมองเห็นภาพได้ไม่ชัด เนื่องจากแสงเข้าสู่ดวงตาได้น้อยลง หรือในบางรายอาจมองสีภาพเพี้ยนไปเป็นสีเหลือง
สาเหตุเกิดจากดวงตาได้รับแสงอัลตราไวโอเลตบ่อย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเคืองตา รวมทั้งโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
- บรรเทาอาการต้อที่ตาเบื้องต้น
วิธีบรรเทาอาการต้อเบื้องต้นแต่ละประเภท สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
- ต้อลมและต้อเนื้อ พยายามหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดความระคายเคืองตา ลดการออกพื้นที่ที่มีแดดแรง การนั่งมองหน้าจอนานๆ เลี่ยงการปะทะฝุ่นและลม ก็จะบรรเทาอาการระคายเคืองตาได้บ้าง แต่หากต้องนั่งทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน ให้พักสายตาเป็นระยะ ทุก 30 นาที
- ต้อกระจก วิธีที่ดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้เกิดต้อกระจก นั่นก็คือใส่แว่นกันแดดเมื่อออกแดด หลักเลี่ยงที่แสงจ้าและฝุ่น อย่าใช้มือสกปรกสัมผัสตาหากเกิดความระคายเคืองตา
กินอาหารครบ 5 หมู่และออกกำลังสม่ำเสมอ เพื่อลดปัจจัยในการเกิดต้อกระจก แต่หากเริ่มมีอาการต้อกระจกควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อประเมินอาการ
- วิธีรักษาอาการต้อที่ตา
วิธีรักษาอาการต้อที่ตาประเภทต่างๆ จะแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ต้อลมและต้อเนื้อ มักจะรักษาตามอาการ หากเกิดความระเคืองตาขึ้น ให้ใช้น้ำตาเทียมเพื่อลดอาการเคืองตา ถ้าหากมีอาการตาแดงอาจใช้ยาแก้อักเสบที่ไม่มีสเตียรอยด์ผสม ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยา
- ต้อกระจก ไม่สามารถใช้ยาหยอดตาเพื่อสลายออกได้ จักษุแพทย์นิยมใช้วิธีผ่าตัดโดยใช้อัลตราซาวด์เพื่อเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียม ผู้ที่ผ่าตัดสามารถกลับมามองเห็นตาปกติได้