หลังจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แพร่กระจายในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน จนกระทั่งเกิดการระบาดไปยังหลายประเทศรวมถึงไทยด้วย ทำให้ทั้งแพทย์และประชาชนไทยต่างตื่นตัว และหาวิธีป้องกันรวมถึงพยายามหาตัวยาที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการรักษา
อ่านเพิ่มเติม: รู้จักไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
ตรวจโควิด-19 (COVID-19) วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 450 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
โรงพยาบาลราชวิถีอาจพบสูตรยารักษาไวรัสโคโรนา 2019
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทีมแพทย์จากโรงพยาบาลราชวิถี ประกอบด้วย นพ. เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช และ รศ. นพ. สืบสาย คงแสงดาว
ร่วมแถลงข่าวหลังจากรักษาอาการผู้ป่วยชาวจีนด้วยยาต้านไวรัสที่มีอยู่แล้วมากกว่า 1 ตัวร่วมกันจนอาการดีขึ้น ไข้ลดลง สามารถรับประทานอาหารได้ ภายใน 12 ชั่วโมง
โดยผู้ป่วยติดเชื้อปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นชาวจีนอายุ 70 กว่าปี ถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลในอำเภอหัวหิน ติดเชื้อมาแล้ว 10 วัน ก่อนมาถึงโรงพยาบาลราชวิถีวันที่ 29 มกราคม 2563
เดิมคนไข้ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีมาก่อนแล้วเป็นเวลา 2 วัน จากโรงพยาบาลในหัวหิน แต่ยังคงมีอาการทรุดหนัก ทั้งปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด รวมถึงตรวจวัดค่าอัตราการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง (Erythrocyte sedimentation rate: ESR) แสดงว่ามีการอักเสบมากขึ้น ออกซิเจนในเลือดต่ำ จนมีแนวโน้มต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ
ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลราชวิถีจึงพิจารณาให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ในขนาดที่สูง ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวี ตั้งแต่วันแรกที่ผู้ป่วยเข้ารักษา
ผลปรากฎว่า ผู้ป่วยเริ่มมีอาการดีขึ้นจากอ่อนเพลียมาก ไม่มีแรง จนอาการดีขึ้น และไข้ลดลงภายใน 12 ชั่วโมง และผลตรวจเชื้อจากทางเดินหายใจโดยห้องแล็บโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่าเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง
ตรวจโควิด-19 (COVID-19) วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 450 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ณ วันที่แถลงข่าว (2 กุมภาพันธ์ 2563) ผู้ป่วยอาการดีขึ้นมากอย่างชัดเจน
สูตรยาที่อาจรักษาผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนาเป็นอย่างไร?
ทางการจีนได้มีการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีอยู่แล้ว เนื่องจากมีประวัติว่าเคยใช้รักษาโรคเมอร์สซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสตระกูลเดียวกับไวรัสโคโรนาได้
แต่เมื่อแพทย์จากโรงพยาบาลราชวิถีเห็นอาการผู้ป่วยรุนแรง จึงมีการปรับเพิ่มยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย แล้วคอยสังเกตดูผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ขนาดยาสูง จึงมียาต้านไวรัสหลักๆ ที่ใช้ในการรักษาเบื้องต้นดังนี้
- ยาเม็ดต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งมีตัวยา 2 ตัว ได้แก่ โลพินาเวียร์ (Lopinavir) และริโทนาเวียร์ (Ritonavir)
- ยาเม็ดต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีตัวยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir)
อย่างไรก็ตาม สูตรยาดังกล่าวยังคงต้องรอการศึกษาเพิ่มเติมก่อนจะกำหนดเป็นวิธีการรักษามาตรฐานต่อไป เนื่องจากขณะนี้มีผู้ป่วยใช้สูตรยานี้รักษาเพียง 3 รายเท่านั้น
โดยนอกเหนือจากชาวจีนวัย 70 ที่อาการดีขึ้นดังรายงานไปแล้ว อีก 1 รายมีอาการแพ้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ส่วนอีกรายเป็นชายวัย 33 ปี กำลังรอผลการตรวจเชื้ออยู่
หากป่วยและสงสัยว่าติดไวรัสโคโรนา สามารถซื้อยากินเองได้ไหม?
ยาทั้ง 2 ตัวที่แพทย์จากโรงพยาบาลราชวิถีใช้รักษาคนไข้ร่วมกันนั้น กำลังอยู่ในระหว่างตรวจสอบการต้านไวรัสโคโรนา
ตรวจโควิด-19 (COVID-19) วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 450 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ฉะนั้น ไม่ควรซื้อยาทั้ง 2 ชนิดมากินเองโดยที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เชื้อจะดื้อยาได้
หากมีอาการเข้าข่ายว่าจะติดเชื้อไวรัส ควรรีบมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อประเมินอาการและให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ยาโอเซลทามิเวียร์ คืออะไร?
โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) เป็นยาที่ใช้รักษาไข้หวัดนก (H5N1) ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ (Influenza A virus) และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี (Influenza B virus)
ตัวยาจะถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหาร มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ของเชื้อไวรัส ชะลอการแพร่พันธุ์ของไวรัสให้ช้าลง
อย่างไรก็ตาม ยาโอเซลทามิเวียร์ไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสจากคนสู่คนได้ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะได้รับยาแล้ว ก็ยังคงต้องหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้หรือใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย
อ่านเพิ่มเติม: หน้ากากอนามัย ป้องกันโคโรนาไวรัสได้จริงหรือ?
ยาเม็ดโลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์คืออะไร?
ยาโลพินาเวียร์ (Lopinavir) และริโทนาเวียร์ (Ritonavir) คือ ยาที่ใช้รักษาผู้ติดเชื้อ HIV-1 มีผลในการควบคุมเชื้อ HIV ในเลือด
โลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์จะยับยั้งเอนไซม์ HIV-1 และ HIV-2 protease และยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส จึงทำให้ไวรัสโตได้ไม่เต็มที่