ความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวร่างกายสัมพันธ์กับการนอน (Sleep-related Related Rhythmic Movement Disorder; RMD) คืออะไร

การโยกตัว หรือการผงกศีรษะอาจแสดงถึงการกล่อมตัวเองในเด็ก
เผยแพร่ครั้งแรก 3 ม.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวร่างกายสัมพันธ์กับการนอน (Sleep-related Related Rhythmic Movement Disorder; RMD) คืออะไร

ถ้าหากบุตรของท่านโยกตัว หรือขยับร่างกายบางส่วนเป็นจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่กำลังนอนหรือระหว่างการนอน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจเป็นภาวะหนึ่งเรียกว่า ความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวของร่างกายสัมพันธ์กับการนอน โดยภาวะดังกล่าวอาจจะเป็นไปจนโตเป็นผู้ใหญ่เลย

ภาวะ RMD คืออะไร? เป็นความความผิดปกตินี้มีความสัมพันธ์กับภาวะใด และความผิดปกติที่มีลักษณะคล้ายคลึงใดบ้างที่ต้องแยกโรคกับภาวะ RMD? เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวร่างกาย รวมถึงทางเลือกในการรักษาเพื่อความปลอดภัยในบุตรท่าน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ผลการศึกษาเรื่องความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวร่างกาย

ความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวร่างกาย (RMD) สามารถสังเกตได้ในเด็กเล็กขณะกำลังจะนอน หรือระหว่างการนอน ซึ่งในช่วงเวลานี้ เด็กที่มีความผิดปกติจะทำการโยกตัว หรือขยับบางส่วนของร่างกาย อาทิเช่น แขน มือ ศีรษะ หรือลำตัว ในลักษณะการโยนที่เป็นจังหวะ และพฤติกรรมอื่น ๆ เช่น การผงกศีรษะ หรือการกลอกลูกตา ก็สามารถสังเกตได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวเหล่านั้นจะมีลักษณะค่อนข้างเบา และอาจจะเป็นการกล่อมตัวเองนอนของเด็กเล็กได้ แต่พฤติกรรมเหล่านี้สามารถมีอาการที่รุนแรงได้ หากถ้าเกิดการเคลื่อนร่างกายอย่างรุนแรง จะส่งผลทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้  ภาวะดังกล่าวจะเรียกว่า Jactatio capitis nocturna หรือ Rhythm du sommeil ซึ่งเป็นคำอธิบายดั้งเดิมของภาวะดังกล่าวที่บันทึกไว้เมื่อปี 1905

ความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเมื่อไหร่?

เด็กที่มีความผิดปกติทางด้านการเคลื่อนไหวจะเริ่มตอนก่อนอายุ 3 ปี และอาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อเด็กโตขึ้น

ในบางกรณีพบได้ยาก ความผิดปกติอาจคงอยู่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่

โดยทั่วไปภาวะ RMD มักจะเกิดขึ้นในช่วงแรกของการนอน ซึ่งจะพบได้บ่อยในระหว่างการนอนตื้น ๆ หรือในช่วงการนอน non-REM และการเคลื่อนไหวจะลดระดับลงเมื่อเข้าการนอนระยะที่ 2 อาการอาจแสดงได้ในระหว่างการนอนช่วง REM ด้วย แต่การที่จะแยกจากพฤติกรรมการนอนในช่วง REM จะทำได้ค่อนข้างลำบาก

ภาวะอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับภาวะ RMD ได้แก่

  • โรคสมาธิสั้น (ADHD)
  • กลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette syndrome)
  • โรคออทิสซึม
  • กลุ่มอาการเรตต์ (Rette syndrome)
  • กลุ่มอาการแองเจิลแมน (Angelman syndrome)

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(sleep apnea)

อย่างไรก็ตามการที่บุตรของท่านมีการเคลื่อนไหวนั้น ไม่จำเป็นที่เด็กจะเกิดความผิดปกติดังกล่าวก็ได้

ความผิดปกติทางการเคลื่อนไหววินิจฉัยได้อย่างไร?

โดยผู้ปกครองของเด็กหลาย ๆ คนต้องทำการสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของบุตรของท่านด้วย และควรเล่าถึงสิ่งที่ท่านได้สังเกตมาให้กุมารแพทย์ฟัง ซึ่งจะได้ประวัติการนอนของเด็กที่ครอบคลุมมากขึ้น เนื่องจากยังมีภาวะอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับภาวะ RMD ที่อาจต้องได้รับการรักษาโดยเฉพาะ ซึ่งการเคลื่อนไหวของร่างกายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมนั้น อาจะทำให้เด็กเกิดอาการชักตอนกลางคืนได้ และอาจพบการหดตัวของกล้ามที่มีลักษณะคล้ายความผิดปกติกางการเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติด้านการนอนของเด็กที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น การนอนละเมอ และภาวะสับสนระหว่างการตื่นนอน ปัญหาทางพฤติกรรมลักษณะอื่น ๆ ที่มีการแสดงผลคล้ายกับภาวะ RMD ดังนั้นควรที่จะตรวจสอบยาบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวที่มากจนเกินไประหว่างการนอนของเด็ก ซึ่งหากบุตรของท่านได้รับประทานยาแก้แพ้ ยาแก้อาเจียน หรือยาที่สำหรับภาวะทางจิตอื่น ๆ (เช่น ยารักษาอาการซึมเศร้า และยารักษาโรคจิต) ในกรณีนี้ควรหยุดใช้ยาดังกล่าวแล้วปรึกกุมารแพทย์ เพื่อช่วยลดการเคลื่อนไหวเหล่านี้ โดยการทดสอบบางอย่างอาจจำเป็นที่จะช่วยหาสาเหตุของการเคลื่อนไหวนี้ โดยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram; EEG) หรือการตรวจการนอนหลับ (Polysomnogram) ที่มีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองเป็นองค์ประกอบ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ทางเลือกการรักษาความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวมีอะไรบ้าง?

ขั้นตอนปฏิบัติที่สามารถลดโอกาสการทำร้ายร่างกายตัวเองของเด็กขณะมีการเคลื่อนไหวเหล่านี้ มีดังนี้

ขั้นแรกการจัดตารางเวลานอนของเด็กให้คงที่ และควรศึกษาแนวทางปฏิบัติเพื่อการนอนที่ดีขึ้นในเด็ก ซึ่งขั้นตอนนี้จะช่วยให้เด็กได้นอนอย่างมีคุณภาพ และยังช่วยป้องกันปัจจัยที่ทำให้อาการกำเริบได้ เช่น การอดหลับอดนอน การปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น เมื่อการเคลื่อนไหวรุนแรงมากขึ้นจนทำให้ตัวเด็กบาดเจ็บ อาจต้องเคลื่อนเบาะรองที่นอนไปไว้บนพื้นห้องให้ห่างไกลจากผนังและสิ่งของอื่นๆ เด็กบางคนที่มีปัญหาผงกศีรษะอย่างรุนแรงก็ควรสวมหมวกกันน็อคป้องกันการกระทบกระแทกไว้ก่อน บางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้ยากล่อมประสาทเพื่อลดการเคลื่อนไหว เช่น clonazepam ซึ่งเป็นยารักษาโรควิตกกังวล

นอกจากนี้ เทคนิคการผ่อนคลายอื่น ๆ ก็พบว่าสามารถช่วยได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่ความผิดปกติทางการเคลื่อนไหวเหล่านี้แม้จะทำให้ผู้ปกครองเป็นกังวล แต่มักไม่เป็นอันตรายต่อตัวเด็ก และเจ้าตัวก็มักไม่รู้สึกว่ามันกวนใจ และส่วนมากเด็กจะหายจากอาการนี้เองเมื่อโตขึ้น

ดังนั้นการรับการรักษาในระยะอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และถึงแม้ว่าอาการนี้จะยังเป็นอยู่จนถึงตอนเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็มักจะไม่สร้างปัญหาให้กับคนรอบข้าง ซึ่งเมื่อเกิดเคลื่อนไหวนั้นจะไม่มีความรุนแรง โดยถ้าหาท่านพบว่าบุตรของท่านมีปัญหาการเคลื่อนไหวที่อยู่นอกเหนือการควบคุมในขณะนอน ท่านควรเริ่มไปปรึกษากับกุมารแพทย์ว่าจำเป็นที่จะต้องรับการประเมินผลของอาการต่อไปหรือไม่


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Sleep-related movement disorders in childhood. UpToDate. (https://www.uptodate.com/contents/sleep-related-movement-disorders-in-childhood)
Sleep-related Rhythmic Movement Disorder (RMD). Verywell Health. (https://www.verywellhealth.com/what-is-sleep-related-rhythmic-movement-disorder-3014802)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)