คุณควรรับประทาน probiotic หรือไม่?

เผยแพร่ครั้งแรก 15 ก.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
คุณควรรับประทาน probiotic หรือไม่?

Probiotic อาจมีประโยชน์ในบางกรณีแต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุหรือไม่

Probiotic อาจมีประโยชน์แต่ก็ยังไม่ได้รับการแนะนำให้ใช้อย่างเป็นทางการ

Probiotic คือแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารนั้นเป็นปกติและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน คุณอาจรับประทาน probiotic ในรูปแบบของอาหารเสริมหรืออาจจได้จากการรับประทานอาหารเช่นโยเกิร์ต Probiotic เหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ในบางกรณีแต่ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของมันไม่เพียงพอ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ประโยชน์ของการรับประทาน probiotic

จุลชีพในทางเดินอาหารส่วนปลายนั้นช่วยร่างกายในการย่อยอาหาร ต่อสู้กับแบคทีเรีย และควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แต่บางครั้งจุลชีพเหล่านี้ก็อาจเกิดการเสียสมดุลและทำให้เกิดอาการท้องเสียและอื่นๆ ตามมา ในช่วงนี้ probiotic อาจช่วยทำให้สมดุลของจุลชีพนั้นกลับมาเป็นปกติได้โดยการหลั่งสารป้องกันต่างๆ ซึ่งจะกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันเชื้อโรคต่างๆ แต่ในปัจจุบันนักวิจัยเพิ่งเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีที่ probiotic นั้นใช้เท่านั้น มีบางงานวิตัยที่ระบุว่าหากคุณรับประทาน probiotic ในระหว่างที่รับประทานยาปฏิชีวนะนั้น คุณจะมีอาการท้องเสียจากการรับประทานยาปฏิชีวนะลดลง การรับประทาน probiotic เป็นอาหารเสริมนั้นอาจจะช่วยลดจำนวนครั้งของการเป็นไข้หวัดในแต่ละปีอีกด้วย
ส่วนมาก probiotic มักจะใช้ลดอาการทางระบบทางเดินอาหารเช่นท้องอืด มีลมในท้อง และท้องผูก แต่ยังไม่มีหลักฐานที่มากพอที่ระบุว่าวิธีนี้นั้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ

ความเสี่ยง

ในปัจจุบันมี probiotic หลายรูปแบบ บางแบบนั้นมีการศึกษาอย่างละเอียดในขณะที่บางแบบนั้นอาจจะไม่มีการศึกษาเลย และถ้าหากคุณมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออยู่เดิมจากการเจ็บป่วยหรือจากการรับประทานยา คุณอาจจะป่วยจากการกิน probiotic เช่นกัน
นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบทางการผลิตอย่างละเอียดเหมือนยาเนื่องจากจัดว่าเป็นอาหารเสริม และอาจทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำปนออกมาได้

อาหารที่เป็นแหล่งของ probiotic

การกินอาหารเสริมนั้นไม่ใช่วิธีเดียวที่จะทำให้คุณได้ probiotic ในความจริงแล้วมีอาหารหลายอย่างที่มีแบคทีเรียชนิดดีเหล่านี้เช่น

  • โยเกิร์ต โดยเฉพาะโยเกิร์ตกรีกรสธรรมชาติ
  • ผักดอง

สิ่งที่คุณสามารถทำได้

อย่ารับประทาน probiotic เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับประโยชน์ที่คุณจะได้รับ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือกำลังอยู่ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็งไม่ควรใช้ probiotic โดยที่แพทย์ไม่อนุญาต

แบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุดในผลิตภัณฑ์ probiotic คือสายพันธุ์ Lactobacillus หรือ Bifidobacterium ซึ่งพวกมันจะถูกทำให้แห้ง และเมื่อเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร พวกมันจะถูกกระตุ้นให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีขนาดที่แตกต่างกันจึงไม่มีคำแนะนำมาตรฐานเกี่ยวกับขนาดที่ควรใช้

โดยทั่วไปแล้วผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ 5-10 ล้านโคโลนีต่อวัน และรับประทานเพียงวันละครั้งเท่านั้น บางคนอาจมีอาการท้องเสียในช่วงที่เพิ่งเริ่มรับประทานได้แต่มักจะหายได้เอง และอาการดังกล่าวอาจดีขึ้นหากรับประทาน probiotic หลังอาหาร


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Should you take probiotics?. Harvard Health. (https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/should-you-take-probiotics)
Prebiotics, probiotics and your health. Mayo Clinic. (https://www.mayoclinic.org/prebiotics-probiotics-and-your-health/art-20390058)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)