ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่ทำให้อาจเกิดผลข้างเคียงจากยาได้ง่าย มีการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ลดลงไม่เหมือนวัยหนุ่มสาว นอกจากนี้ยังเจ็บป่วยมีโรคภัยไข้เจ็บหลายโรคทำให้ต้องใช้ยาหลายชนิด โดยเฉลี่ยแล้วผู้สูงอายุมักได้รับยา 4-5 ชนิดตามแพทย์สั่ง และอีก 2 ชินจากการซื้อหามาเอง ผู้สูงอายุจึงเป็นกลุ่มเสี่ยงของการเกิดปัญหาจากการใช้ยาได้มาก โดยพบว่าผู้ป่วยที่เกิดผลข้างเคียงจากยาถึง 1 ใน 3 เป็นผู้ป่วยสูงอายุและเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลถึงร้อยละ 10-20 และที่สำคัญคือ 2 ใน 3 ของผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถป้องกันได้
สาเหตุของปัญหาจากการใช้ยาในผู้สูงอายุ
- ผู้สูงอายุมีโรคหลายชนิดและได้รับยาหลายอย่าง อาจทำให้ยามีผลต่อกัน
- ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อการทำงานของยา ตับและไตทำงานได้ลดลง ทำให้เปลี่ยนแปลงยาและกำจัดยาออกจากร่างกายได้น้อยลง อาจเกิดระดับยาเกินจนเป็นพิษได้ ความสามารถสมองลดลงอาจมีอาการสับสนได้ จากการใช้ยาที่คนหนุ่มสาวกินแล้วไม่เป็นอะไร
- ปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุ เช่น ผู้สูงอายุไม่ไปพบแพทย์ อาจเนื่องจากปัญหาด้านร่างกายและจิตใจที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถไปพบแพทย์ได้ เช่น ปัญหาด้านการเดินทาง ด้านการเงิน หรือาจเกิดจากความเชื่อที่ชอบซื้อยามากินเองหรือเอายาเก่า ๆ ที่เคยได้รับมากินเอง
- การสั่งใช้ยาไม่เหมาะสมให้แก่ผู้สูงอายุ เช่น การใช้ยากลุ่มที่ผู้สูงอายุมีโอกาสสูงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากยา
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่มีผลต่อการใช้ยาในผู้สูงอายุ
- การดูดซึมยาลดลง แต่มักไม่ค่อยเกิดปัญหามากนักในผู้สูงอายุ
- การกระจายตัวของยา ผู้สูงอายุมีสัดส่วนของไขมันเพิ่มขึ้นและมีน้ำในร่างกายลดลง ทำให้ยาหลายชนิดมีระดับยาสูงขึ้นในร่างกาย อาจเกิดพิษได้ง่ายและยาออกฤทธิ์นานกว่าปกติ
- เมแทบอลิซึมของยาหรือการเปลี่ยนแปลงยาในร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อตับเปลี่ยนแปลงไป จากการที่ตับมีขนาดเล็กลงและเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ทำให้มีโอกาสที่ยาจะคั่งค้างสูง
- การกำจัดยาทางไต ทำได้ลดลง เนื่องจากไตมีการทำงานลดลงตามอายุ จึงอาจทำให้ขับยาออกจากร่างกายไม่ได้
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอีกหลายอย่างที่ส่งผลต่อการใช้ยา เช่น มีความไวต่อยาบางชนิดมากขึ้น ในขณะที่มีความไวต่อยาบางชนิดลดลง สิ่งเหล่านี้จึงอาจก่อให้เกิดปัญหากับการสั่งใช้ยาในผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การป้องกันปัญหาจากการใช้ยาในผู้สูงอายุ
วิธีการป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาในผู้สูงอายุ สามารถทำได้ ดังนี้
- มีชื่อยาที่ใช้ ชื่อโรคที่เป็น และชื่อยาที่เคยแพ้ ติดตัวไว้และแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบ
- พยายามเริ่มต้นการรักษาแบบไม่ใช้ยาก่อนเสมอ เช่น ถ้าท้องผูกควรรักษาด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ และกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง
- กินยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการรักษากับแพทย์เป็นระยะ อย่านำตัวอย่างยาเดิมไปซื้อมากินเอง เนื่องจากบางครั้งต้องมีการปรับเปลี่ยนยาตามสภาพร่างกายและโรคที่เปลี่ยนแปลงไป
- นำยาทั้งหมดที่กิน ไม่ว่าจะได้รับจากที่ใด ไปให้แพทย์ตรวจเช็กเป็นระยะ
- หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง และหลีกเลี่ยงยาสมุนไพร ยาหม้อและยาลูกกลอน เนื่องจากยาเหล่านี้อาจมีผลเสียต่อร่างกาย
- ตรวจดูวันหมดอายุของยา โดยทั่วไปยาที่ได้รับมาจะยังมีระยะเวลาก่อนหมดอายุนานพอควร อย่างไรก็ตามถ้าใช้ยาเก่าที่เหลืออยู่ ควรมั่นใจว่ายายังไม่หมดอายุ แต่ทางที่ดีที่สุดคือ พยายามอย่าเก็บยาที่เหลือ ไว้กินในวันหน้า เนื่องจากยาอาจหมดอายุ หรือครั้งต่อไปที่ไม่สบายอาจไม่ควรใช้ยาตัวเดิมแล้ว
- ก่อนจะหยุดยาที่ได้รับมา ควรปรึกษาและแจ้งให้แพทย์ทราบถึงสาเหตุที่จะหยุดยานั้น เช่น เกิดผลข้าง ยาไม่ได้ผล วิธีการใช้ยาซับซ้อนเกินไป ยาแพงเกินไป
- ควรรักการรักษาและติดตามกับแพทย์คนเดิม เนื่องจากจะทราบประวัติการใช้ยาของผู้ป่วยตลอด แต่หากต้องรักษากับแพทย์มากกว่า 1 คน ต้องนำประวัติเก่าและรายการยาที่ใช้อยู่มาแจ้งให้แพทย์ทุกคนทราบ
- ถ้าเกิดงูสวัดขึ้น อาจติดต่อไปสู่เด็กหรือสตรีมีครรภ์ที่ยังไม่เคยได้รับเชื้อหรือฉีดวัคซีนมาก่อน ทำให้เกิดอีสุกอีใสได้ (ไม่ใช่เกิดงูสวัด) จึงควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับบุคคลเหล่านี้ในช่วงที่มีผื่น