งานวิจัยล่าสุดที่เป็นข่าวดีเกี่ยวกับครรภ์เป็นพิษ (Preeclampesia) ที่เกิดกับแม่ครรภ์แฝดหรือมากกว่า (Multiples) ในอัตราส่วน 1 ต่อ 3 นักวิจัยระบุว่า โปรตีนสองชนิดที่ผลิตโดยรกจะมีผลต่อการพัฒนาของสภาพครรภ์เป็นพิษ การค้นพบครั้งนี้แพทย์จะสามารถคาดการณ์และสามารถรักษาความผิดปกติได้ง่ายขึ้น ในปี ค.ศ. 2003 นักวิจัยที่ Boston's Beth Israel Deaconess Medical Center ได้อ้างถึง profiling ของยีนใน ในเซลล์รกของหญิงตั้งครรภ์ที่ก่อให้เกิดการผลิตโปรตีนในระดับสูง โปรตีนที่เข้มข้นเหล่านี้ทำให้หลอดเลือดตีบ เพิ่มความดันเลือดของมารดา และทำให้การลำเลียงเลือด และสารอาหารที่ไปเลี้ยงทารกถูกรบกวน
สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรสำหรับคุณแม่ของภาวะครรภ์แฝด?
ลักษณะยีนที่มีปัญหาช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะผิดปกติได้รวดเร็วและทำการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ในอดีตที่ผ่านมา การวินิจฉัยอาศัยดูตามอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นเวลาที่มีการไหลของเลือดไปรกลดลงไปถึง 50% แล้ว
ครรภ์เป็นพิษคืออะไร?
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์แฝดหรือมากกว่ามีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampesia) หรือที่รู้จักกันว่า Toxemia หรือการตั้งครรภ์ที่ชักนำให้เกิดความดันโลหิตสูง (Pregnancy Induced Hypertension หรือ PIH) เป็นที่คาดกันว่าภาวะความดันชนิดนี้จะแสดงอาการในช่วงตั้งครรภ์ในหญิงตั้งครรภ์เดี่ยว 5 และ 10% และหนึ่งในสามของแม่ภาวะครรภ์แฝดหรือมากกว่า
มีอาการอย่างไร?
อาการมักจะเกิดหลังสัปดาห์ที่ยี่สิบของการตั้งครรภ์และมักจะมีการตรวจพบในช่วงนัดตรวจครรภ์ พบอาการบวมน้ำ อาการบวมตามมือและเท้า ความดันโลหิตสูง โปรตีนในปัสสาวะ มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์มากกว่า 2 ปอนด์ อาการรุนแรงมากขึ้นรวมถึง มีอาการสั่นหรือสับสน สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลง คลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว เมื่อยล้า ปวดท้อง หรือหายใจถี่ๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีหากพบอาการเหล่านี้ในระหว่างการตั้งครรภ์แฝดสอง แฝดสาม หรือมากกว่าของคุณ
ต้องมีการรักษาอย่างไร?
วิธีเดียวที่จะแก้ภาวะครรภ์เป็นพิษ คือ ทำการคลอดทารก แพทย์จะต้องประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของแม่กับสภาพของฝาแฝด แฝดสาม หรือมากกว่า ในบางกรณีแพทย์อาจสามารถควบคุมดูแลพฤติกรรมของแม่ เพิ่มปริมาณน้ำโดยลดการบริโภคเกลือของเธอหรือจัดตารางการนอนพักผ่อน (ควรนอนตะแคงซ้ายเพื่อจำกัดความดันในหลอดเลือด) อาจต้องพบแพทย์บ่อยขึ้นเพื่อตรวจสอบความดันโลหิตและระดับโปรตีนในปัสสาวะ
ในกรณีที่รุนแรงมาก อาจจำเป็นต้องนอนพักในโรงพยาบาลเพื่อให้แน่ใจว่ามีการนอนพักผ่อนที่สมบูรณ์ อาจให้ยาบางชนิด เช่น magnesium sulfate หรือ hydralazine แม้ว่าผลข้างเคียงของยาเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาทางการแพทย์บางประการตามมา ในกรณีที่รุนแรงอาจเร่งให้เกิดการคลอดเร็วขึ้นหรือต้องดำเนินการผ่าท้องคลอดบุตร (Caesarean section)
สิ่งที่มีผลกระทบต่อสุขภาพแม่คืออะไร?
ภาวะหลังคลอด อาการต่างๆ จะบรรเทาลงและสุขภาพของแม่จะมีความเสี่ยงลดลง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง (eclampsia) ถึงหกสัปดาห์หลังคลอด แพทย์จะยังคงติดตามภาวะความดันโลหิตของแม่ในระยะหลังคลอด ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ ภาวะครรภ์เป็นพิษสามารถทำลายไต ตับ และสมองของแม่ มีการเสียชีวิตจากภาวะครรภ์เป็นพิษถึง 16% ต่อปีในประเทศสหรัฐอเมริกา ภาวะครรภ์เป็นพิษหากไม่รักษาจะพัฒนาไปสู่ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของมารดาในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่สอง
ผลกระทบต่อทารกคืออะไร?
เพราะการรักษาครรภ์เป็นพิษ คือ การคลอดของทารกที่มักเป็นการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งจะพบภาวะแทรกซ้อนมากมาย ภาวะที่เลือดไหลเวียนไปยังรกถูกจำกัด ทารกในครรภ์จะได้รับออกซิเจนและสารอาหารลดลง อาจทำให้ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตช้า (Intrauterine Growth Retardation หรือ IUGR) น้ำหนักแรกคลอดน้อย หรือทารกตายในครรภ์ (stillbirths)
สิ่งที่คุณแม่ของภาวะครรภ์แฝดหรือมากกว่าสามารถทำได้เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากภาวะครรภ์เป็นพิษคืออะไร?
การตรวจสุขภาพบ่อยครั้งกับแพทย์มีความจำเป็น แพทย์จะตรวจสอบความดันโลหิต น้ำหนัก และโปรตีนในปัสสาวะ แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีประวัติครรภ์เป็นพิษใดๆ ของบุคคลในครอบครัวของคุณ รวมทั้งการตั้งครรภ์ที่ผ่านมาของคุณเอง ผู้หญิงที่มีความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือโรคไตอยู่แล้วจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน หวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษจะลดปัญหาของแพทย์ที่มีเครื่องมือจำกัดในการวินิจฉัย นักวิจัยกล่าวว่า การค้นพบนี้เป็น "ความก้าวหน้าที่น่าตื่นตาตื่นใจ" ซึ่งเป็นข่าวที่ดีสำหรับคุณแม่ของภาวะครรภ์แฝดหรือมากกว่า ซึ่งมีความเสี่ยงสูงระหว่างการตั้งครรภ์