การตรวจ PPD skin test นั้นเป็นการทดสอบเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อวัณโรคหรือไม่
วัณโรคนั้นเป็นโรคติดเชื้อที่รุนแรงและมักจะเกิดที่ปอด จากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis เชื้อแบคทีเรียนี้จะมีการติดต่อผ่านทางอากาศที่หายใจออกมาจากผู้ที่ติดเชื้อ เชื้อแบคทีเรียสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการได้นานหลายปี
เวลาที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้นอ่อนแอลง ก็จะทำให้เชื้อนั้นกลับมาออกฤทธิ์และทำให้เกิดอาการได้เช่น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- มีไข้
- น้ำหนักลด
- ไอ
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
หากวัณโรคนั้นไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ จะเรียกว่าเป็นเชื้อวัณโรคดื้อยาซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงในด้านสาธารณสุขในประเทศไทย
เวลาที่ร่างกายนั้นมีการติดเชื้อวัณโรค จะทำให้ไวต่อสารบางอย่างของแบคทีเรียเป็นพิเศษซึ่งการตรวจ PPD นี้จะเป็นการตรวจสอบความไวของร่างกายต่อสารดังกล่าว ซึ่งจะช่วยบอกได้ว่าคุณเป็นวัณโรคหรือไม่
ปัจจัยเสี่ยง
วัตโรคนั้นสามารถติดต่อได้ง่าย องค์การอนามัยโลกนั้นได้คาดการณ์ว่าวัณโรคนั้นเป็นโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ทั่วโลกมากรองลงมาจากเพียงการติดเชื้อ HIV และเป็นโรคเอดส์เท่านั้น
คุณควรตรวจ PPD skin test หากคุณทำงานในทางด้านสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะต้องมีการตรวจคัดกรองโรคนี้เป็นประจำ
คุณยังควรจะตรวจ PPD skin test หากคุณอาศัยอยู่กับผู้ป่วยโรควัณโรค คุณมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากการรับประทานยาบางชนิดเช่น steroid หรือโรคบางโรคเช่นมะเร็ง การติดเชื้อ HIV
วิธีการทดสอบ
แพทย์หรือพยาบาลจะทำการทาแอลกอฮอล์ที่บริเวณท้องแขนด้านใน ก่อนที่จะใช้เข็มขนาดเล็กที่มีสาร PPD ฉีดเข้าไปที่ผิวหนังด้านบน คุณอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั้นจะเกิดตุ่มขนาดเล็กขึ้นมาซึ่งมักจะหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หลังจากผ่านไป 48-72 ชั่วโมง คุณจะต้องกลับไปพบแพทย์อีกครั้งเพื่ออ่านผล พยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์จะประเมินบริเวณที่ได้รับการฉีด PPD เข้าไปเพื่อดูว่ามีปฏิกิริยาเกิดขึ้นหรือไม่
การทดสอบนี้อาจจะทำให้เกิดอาการบวมแดงที่แขนอย่างรุนแรงได้โดยเฉพาะหากเคยทดสอบแล้วได้ผลบวกมาก่อนและทำการทดสอบซ้ำ แต่พบได้น้อย
ผลการตรวจ
หากบริเวณผิวหนังที่ทำการตรวจนั้นไม่บวมหรือบวมขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ทำการตรวจไปแล้ว 48-72 ชั่วโมง แสดงว่าได้ผลลบ ซึ่งหมายความว่าคุณน่าจะไม่มีการติดเชื้อวัณโรค ขนาดของอาการบวมที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไปในระหว่างเด็ก ผู้ป่วยที่ติดเชื้อHIV ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ
การที่บวมเล็กน้อยที่ตำแหน่งที่ทดสอบ (5-9 มิลลิเมตร) นั้นจะถือว่าเป็นผลบวกในผู้ที่ได้รับยากลุ่มสเตียรอยด์ ติดเชื้อ HIV ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นวัณโรค มีการเปลี่ยนแปลงในผลเอกซเรย์ที่ช่องอกที่เกิดจากการติดเชื้อวัณโรคผู้ป่วยที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงนั้นอาจจะต้องเข้ารับการรักษา แต่ผลบวกนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นวัณโรคเสมอไป และอาจจะต้องใช้การตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
การที่บวมมากกว่า 10 มิลลิเมตรนั้นจะถือว่าเป็นผลบวกให้ผู้ที่
- เคยได้ผลการทดสอบเป็นลบมาก่อนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- เป้นโรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคอื่นๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรค
- เป็นบุคลากรทางการแพทย์
- เป็นผู้ที่เสพยาเข้าเส้น
- เป็นผู้ที่อยู่ในประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อวัณโรคสูงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- มีอายุน้อยกว่า 4 ปี
- เป็นทารก เด็ก หรือวัยรุ่นที่อยู่กับผู้ใหญ่ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
- อาศัยอยู่ในบางสถานที่เช่นคุก สถานรับดูแลผู้ป่วย และที่พักสำหรับคนไร้บ้าน
- ในผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคมาก่อนจะใช้เกินบวกที่มากกว่า 15 มิลลิเมตร
ผลบวกลวงและผลลบลวง
ผู้ที่เคยได้รับวัคซีน BCG เพื่อป้องกันวัณโรคมาก่อนนั้นอาจจะทำให้เกิดผลบวกลวงจากการทดสอบนี้ได้ ซึ่งวัคซีนนี้เป็นวัคซีนที่มีการให้ในประเทศไทย
แพทย์อาจจะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลบวกด้วยการตรวจเอกซเรย์ช่องอก เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และตรวจเสมหะเพื่อดูเชื้อวัณโรคในปอด
บางคนที่เป็นวัณโรคนั้นอาจจะตรวจได้ผลลบจากการตรวจ PPD skin test ก็ได้ การเป็นโรคเช่นมะเร็งหรือการรับประทานยาเช่นสเตียรอยด์และยาเคมีบำบัดนั้นอาจจะทำให้ภูมิคุ้มกันนั้นอ่อนแอลงและทำให้เกิดผลลบลวงได้