กองบรรณาธิการ HonestDocs
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HonestDocs
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศชาย เพราะอะไร? อันตรายไหม รักษาอย่างไร?

มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศชาย อันตรายไหม รักษาอย่างไรดี บทความนี้มีคำตอบ
เผยแพร่ครั้งแรก 13 ก.พ. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 3 พ.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศชาย เพราะอะไร? อันตรายไหม รักษาอย่างไร?

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • "ตุ่มขนาดเล็ก" ซึ่งเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศชาย มีสาเหตุทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์และเกิดขึ้นโดยไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ 
  • ตุ่มที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ แบ่งเป็นตุ่มที่ขึ้นตามธรรมชาติที่เรียกว่า "Pearly Penile Papules" และตุ่มไขมันที่เรียกว่า "Fordyce spot"
  • ตุ่มที่เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ แบ่งเป็นตุ่มที่เกิดจากโรคหูดหงอนไก่และตุ่มที่เกิดจากโรคหูดข้าวสุก ทั้งสองโรคเกิดจากการติดเชื้อไวรัส 
  • โรคหูดหงอนไก่ แม้จะมีวิธีรักษาหลายวิธี เช่น จี้ไฟฟ้า จี้ด้วยความเย็น หรือผ่าตัด แต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก 
  • ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยเสมอ หมั่นรักษาสุขอนามัย ความสะอาด และสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตนเอง หากไม่แน่ใจควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย (ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพได้ที่นี่)

หากวันหนึ่งคุณผู้ชายมี "ตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศชาย" เชื่อว่า คงเป็นปัญหาหนักใจแน่ๆ ว่า จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ อันตรายแค่ไหน หรือรักษาอย่างไรดี 

บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจกันว่า ตุ่มเหล่านั้นเกิดจากอะไร และจะมีวิธีดูแลรักษาอย่างไรได้บ้าง 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ตุ่มขึ้นอวัยวะเพศชายที่ไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์?

ตุ่มที่อวัยวะเพศชายที่ไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลักๆ ดังต่อไปนี้

1. เป็นตุ่มที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

อวัยวะเพศชายจะมีตุ่มเล็กๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ บริเวณส่วนหัวของอวัยวะเพศ อาจจะเป็นตุ่มที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่เรียกว่า "Pearly Penile Papules" บางคนมีตุ่มขนาดเล็กมากจนไม่อาจสังเกตเห็นได้ ขณะที่บางคนก็มีตุ่มขนาดใหญ่และอาจจะมีตั้งแต่ 1 – 3 แถว คล้ายกับหูดหงอนไก่ได้ 

ตุ่มเหล่านี้จัดว่า เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถ้ารู้สึกกังวลใจก็สามารถใช้การทำเลเซอร์ช่วยให้เล็กลง แต่ก็จะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำใหม่ได้อีก 

2. เป็นตุ่มไขมัน หรือตุ่มอื่นๆ

ตุ่มสีขาวที่เรามักมองเห็นนั้น อาจจะไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสมอไป แต่เป็นต่อมไขมันที่เรียกว่า "Fordyce spot" ซึ่งเกิดจากต่อมไขมัน (sebaceous glands) ที่ปกติมักจะอยู่ในรูขุมขน 

แต่กรณีนี้จะอยู่ที่ผิวหนัง หรือด้านนอกของรูขุมขน หรือเป็นต่อมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น Tyson gland โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดและยังสามารถจางลงได้เอง หรืออาจจะเป็นอยู่นานเป็นเดือนเป็นปี 

ทั้งนี้หากเป็นมากขึ้นก็สามารถใช้การทำเลเซอร์ให้จางลงได้ แต่ก็จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ตุ่มขึ้นอวัยวะเพศชายที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์?

ตุ่มที่อวัยวะเพศที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เกิดได้จาก 2 โรคหลักๆ ดังนี้

1. โรคหูดหงอนไก่

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV หรือ Human papilloma virus โดยติดจากการมีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน 

ลักษณะเป็นติ่งเนื้อสีชมพู คล้ายกับดอกกะหล่ำ หรือหงอนไก่ มีวิธีรักษาหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของรอยโรค แต่เมื่อรักษาหายแล้วก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก

วิธีรักษาโรคหูดหงอนไก่

  • การรักษาด้วยวิธีจี้ไฟฟ้า หรือเลเซอร์ เป็นการตัดรอยโรคออกไป ข้อเสียตรงคือ ควันจากการจี้รักษาจะมีเชื้อไวรัส HPV อยู่ด้วย ถ้าสูดดมเข้าไปมากๆ อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ HPV ในระบบทางเดินหายใจได้ และยังมีโอกาสกลับมาเป็นหูดหงอนไก่ซ้ำได้ 5 – 50%
  • การรักษาด้วยวิธีจี้ด้วยความเย็น เป็นการใช้ไม้พันสำลีชุบกับไนโตรเจนเหลวแล้วป้ายที่รอยโรค หรือใช้วิธีพ่นสเปรย์ลงบริเวณที่รอยโรค ให้ความเย็นสัมผัสกับรอยโรคประมาณ 10 – 15 นาที วิธีนี้อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดบ้างและทิ้งรอยดำไว้ สามารถทำซ้ำได้ทุก 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะหายดี (ขึ้นอยู่กับขนาดของรอยโรคด้วยเช่นกัน) และมีโอกาสกลับมาเป็นหูดหงอนไก่ซ้ำได้ 20 – 40%
  • การตัดออกด้วยวิธีผ่าตัด ยังเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดโอกาส หรือความเสี่ยงในการกลับมาเป็นหูดหงอนไก่ซ้ำได้มากที่สุดคือ 20% เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
  • ใช้ยา Imiquimod 5% ทา หรือป้ายที่รอยโรค เป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานโรคเพื่อให้ร่างกายกำจัดเชื้อ HPV เหมาะสำหรับหูดหงอนไก่ที่อยู่ในบริเวณที่ราบและไม่ได้อยู่บริเวณเยื่อเมือกต่างๆ ของร่างกาย และยังมีโอกาสกลับมาเป็นหูดหงอนไก่ซ้ำได้ 20%
  • ใช้ยา Podophyllin 5% ทา หรือป้ายที่รอยโรค แพทย์จะแต้มยาชนิดนี้ทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมงแล้วล้างออก วิธีนี้ใช้เวลารักษา 3 – 4 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะหาย (ขึ้นอยู่กับขนาดของรอยโรค) แต่อาจรู้สึกแสบ หรือระคายเคืองบริเวณที่แต้มยาไว้ และยังมีโอกาสกลับมาเป็นหูดหงอนไก่ซ้ำได้ 20 – 35%
  • ใช้ยา Trichloroacetic acid 50 – 70% ทา หรือป้ายที่รอยโรค โดยไม่ต้องล้างออก และใช้รักษาซ้ำทุก 2 สัปดาห์ หรือจนกว่ารอยโรคจะหาย แต่อาจจะรู้สึกแสบ หรือระคายเคืองบริเวณที่แต้มยาไว้ และยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ 35%

2.โรคหูดข้าวสุก

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า "Molluscum contagiosum" ลักษณะเป็นตุ่มที่มีรอยบุ๋มตรงกลาง เมื่อบีบแล้วจะมีน้ำสีขาวขุ่นคล้ายกับข้าวสุกออกมา 

วิธีรักษาโรคหูดข้าวสุก 

  • รอเวลาให้หายเอง วิธีนี้ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 เดือน มักจะใช้กับเด็กที่มีรอยโรคไม่มากนัก เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความรู้สึกเจ็บจากการรักษาด้วยวิธีอื่น
  • การขูดออก เป็นการขูดรอยโรคที่เรียกว่า Molluscum bodies ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Curette โดยสามารถใช้ยาชาชนิดแปะ เพื่อลดอาการเจ็บปวด และแพทย์จะรักษาซ้ำๆ ทุก 2 – 3 สัปดาห์ จนกว่ารอยโรคจะหายไป
  • การจี้เย็น เป็นการใช้ไม้พันสำลีชุบกับไนโตรเจนเหลวแล้วป้ายที่รอยโรค เพื่อให้ความเย็นสัมผัสกับรอยโรคประมาณ 10 – 15 นาที อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดบ้างและทิ้งรอยดำไว้ วิธีนี้สามารถทำซ้ำได้ทุก 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะหายดี ขึ้นอยู่กับขนาดของรอยโรค
  • การใช้ยา แพทย์จะใช้ยา Podophyllin เป็นยาชนิดเดียวกันกับที่รักษาโรคหูดหงอนไก่ เพื่อทำลายเซลล์ผิวหนังที่ติดเชื้อ เหมาะสำหรับรอยโรคที่อยู่บริเวณเนื้อเยื่อเมือกของอวัยวะเพศ แพทย์จะจี้ซ้ำทุกสัปดาห์ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์จนกว่ารอยโรคจะหายไป

จากข้อมูลที่กล่าวข้างต้น พอจะทราบกันแล้วว่า การมีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศชายไม่ได้มีสาเหตุจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสมอไป แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจเช่นกัน หากไม่มั่นใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันว่า "ไม่ได้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แน่ๆ" 

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะต้องใช้ถุงยางอนามัยเสมอ รวมถึงหมั่นรักษาสุขอนามัย ความสะอาด สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตนเองด้วยนั่นเอง


ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพเปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
HPV Infection in Men (https://www.webmd.com/sexual-c...)
Delaram Ghadishah, Condyloma Acuminatum (Genital Warts) (https://emedicine.medscape.com/article/781735-overview), 22 October 2018

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป