ป้ายบังคับเมื่อรับยา

เผยแพร่ครั้งแรก 2 ม.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 7 นาที
ป้ายบังคับเมื่อรับยา

 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท


วันก่อน… ขณะขับรถกลับบ้าน ดิฉันสังเกตเห็นว่าบริเวณหน้าโรงเรียนมัธยม ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลนั้น มีป้ายสัญลักษณ์ใหม่ตั้งอยู่ (อันที่จริง… ป้ายนี้อาจมีมาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์แล้วล่ะค่ะ แต่ “คนช่างสังเกต…ซะเมื่อไหร่” อย่างดิฉัน เพิ่งเห็นนี่แหละ แหะ…แหะ…)เป็นป้าย…

b1

…ดิฉันเห็นแล้วก็ได้แต่ชื่นชมในใจว่า “เข้าทีดีแฮะ” เพราะเวลาที่ขับรถมาทำงาน เนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนมัธยม ดิฉันจึงได้พบเห็นว่าน้อง ๆ (ขอใช้คำว่า “น้อง ๆ” เพราะแสลงใจที่จะเรียกตามความจริงที่เหมาะสมกว่าว่า “หลาน ๆ” ฮ่า…) ไม่ค่อยจะสวมหมวกกันน็อคกันเลยแล้วดิฉันก็นึก(ฟุ้งซ่าน)ต่อไปอีกว่า  “แล้วในโรงพยาบาลล่ะ… นอกจากป้ายที่เป็นสัญลักษณ์สากล อย่างป้ายห้ามสูบบุหรี่ หรือป้ายบังคับทางจราจรแล้ว  …ควรมีป้ายบังคับอะไรอีกบ้าง???”

...

ถ้าเป็นที่ตึกสูติ-นรีเวช ซึ่งจะมีการรณรงค์ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ …ไม่ใช้นมผงเลี้ยงทารก ก็คงต้องเป็นป้ายนี้…

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

b2

 

ส่วนบริเวณหน้าห้องเอกซเรย์ ก็จะเห็นป้ายคุ้นหน้าคุ้นตา อย่างนี้…

b3

 

ในตึกผู้ป่วยใน หากมีผู้ป่วยนอนรักษาตัวด้วยโรคติดต่อรุนแรง ก็จะมีป้ายหน้าห้อง อย่างนี้…

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

b4

 

rx04ที่ไหน ๆ ก็มีป้ายกำกับ แล้วทำไมหน้าห้องยาของเราถึงไม่มีป้ายกะเค้ามั่งอ่า…

rx16เอาป้ายนี้ไหมล่ะเจ้… b5

rx10กรี๊ดดดดดดดด…. ชั้นไม่ใช่ลิงนะยะ จะได้มีป้ายห้ามให้อาหารน่ะ!

 

เนื่องจากดิฉันเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ (เป็นคำที่ดูดีกว่า “ฟุ้งซ่าน + เพี้ยน” น่ะค่ะ ฮ่า…) ก็เลยคิดไปเรื่อยเปื่อยว่า บริเวณหน้าห้องยาควรจะมีป้ายอะไรบ้างน้า…อันแรกที่ดิฉันคิดถึง…

b6

ดิฉันเข้าใจค่ะว่าผู้ป่วยบางท่าน อาจมีธุระจำเป็นที่ต้องใช้โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารจริงจริ๊งงงงงง …อันนี้ก็ไม่ได้ว่ากันหรอกค่ะ แต่อยากวอนขอให้ท่านกรุณาคุยธุรกิจพันล้านให้เรียบร้อยเสียก่อนเถอะนะคะ เพราะในการรับยานั้น เพื่อความถูกต้อง ปลอดภัย และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ยา เภสัชกรจำเป็นต้องสอบถามข้อมูลบางอย่างจากท่าน เช่น…

  • ทวนชื่อ…เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของผู้ป่วย จะได้ไม่เกิดปัญหาจ่ายยาผิดคน
  • สอบถามโรคประจำตัว, ประวัติการใช้ยาเดิม หรือการแพ้ยา เพื่อตรวจสอบความต่อเนื่องและครบถ้วนของยาที่ใช้ หรือหลีกเลี่ยงยาบางรายการที่เป็นข้อห้ามใช้
  • แนะนำวิธีใช้ยา, ข้อควรรู้ และข้อควรระวังในการใช้ยา ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ที่อาจเป็นข้อแนะนำเพิ่มเติมจากที่ระบุไว้ในฉลากยา

 

การที่ท่านเดินมารับยา ทั้งที่หูยังแนบอยู่กับเครื่องโทรศัพท์ แถมปากก็สนทนาพาทีอยู่กับคนปลายสาย มันทำให้เภสัชกรแสนจะอ่อนใจเหลือเกินค่ะ อยากจะร้องเพลงตัดพ้อไปว่า “ตัวเธออยู่(หน้าห้องยา)นี่ แต่ใจเธออยู่ไหน” แต่ติดที่ดิฉันมีปมด้อยว่า ‘ร้องเพลงเหมือนท่องอาขยาน’ เลยได้แต่ทำมือเป็นรูปโทรศัพท์ พร้อมกับทำปากขมุบขมิบช้า ๆ ว่า “กรุณาโทรศัพท์ให้เสร็จก่อนค่ะ” (จะพูดออกเสียงก็เกรงใจว่าเสียงจะดังรบกวนการสนทนาของเค้าน่ะสิคะ ฮ่า…)

 

 

ป้ายอันแรกดูจะออกแนวจิกกัดผู้ป่วยอันเป็นที่รักไปสักนิด ฮ่า… แต่ไม่พอค่ะ! ยังมีป้ายที่ดิฉันอยากจะติดไว้หน้าห้องยาอีก ก็คือ…

b7

 

เอ้า! ไม่ใช่เล่าเอาขำนะคะ ผู้ป่วยที่น่ารักของดิฉันหลาย ๆ คนลืมพกปากมารับยาจริง ๆ ค่ะ ทั้งที่จริงแล้วปากนั้นช่วยให้หายป่วยได้แท้ ๆ โดยการใช้ปาก…

เล่า ให้เภสัชกรฟังในเรื่องต่อไปนี้…

  • โรคประจำตัวที่ท่านเป็น
  • ยาที่ท่านใช้อยู่
  • ยาที่ท่านแพ้
  • ปัญหาอื่น ๆ เช่น กลืนยาได้ลำบาก เป็นต้น

…เพื่อให้ได้รับยาที่เหมาะสมและสะดวกในการใช้

 

ถาม เภสัชกรเมื่อไม่แน่ใจเรื่องวิธีใช้ยา ข้อดี-ข้อเสียของยา และข้อควรระวังบางอย่าง เช่น…

  • ยานี้มีชื่อว่าอย่างไร หรือใช้ยานี้แก้อะไร
  • ยานี้ใช้อย่างไร และจะต้องใช้จนหมดเลยหรือไม่
  • ถ้าลืมรับประทานยา จะทำอย่างไร
  • ยานี้อาจจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงอะไรไหม
  • จะเก็บยาไว้ได้นานเท่าใด และจะต้องเก็บยานี้ไว้ที่ไหน
  • รับประทานยานี้ตอนท้องว่างหรือหลังอาหารจึงจะดี

…เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และได้รับประโยชน์สูงสุดในการใช้ยา

 

รับประทาน หรือใช้ยาตามที่แพทย์สั่งโดยดูฉลากทุกครั้ง

...ใช้ยาถูกวิธีจะทำให้การรักษาได้ผลดีนะคะ

 

 

และป้ายบังคับอันสุดท้ายที่ดิฉัน อยาก…ย้าก…อยาก… ติดไว้หน้าห้องยา ก็คือ…

b8

 

แหม… ผู้ป่วยส่วนใหญ่ของดิฉันก็น่ารักดีค่ะ ให้ความร่วมมือในการรักษาด้วยยาดีมาก แต่ก็มีบางท่าน (ที่คล้าย ๆ จะเป็น ‘เจ้ากรรมนายเวร’ …เป็นผลกรรมที่สมัยเด็ก ๆ ดิฉันเคยดื้อกับคุณพ่อคุณแม่ ฮ่า…) ที่เวลาให้คำปรึกษาเรื่องยาจะไม่ตั้งใจฟัง ถามไม่ค่อยตอบ หรือตอบก็ไม่ตรงตามจริง

ก็เลยอยากจะชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกันนะคะว่า ขออภัยหากหน้าตาดิฉันจะดูไม่น่าไว้วางใจ แต่โปรดเชื่อใจเถอะค่ะ และขอความกรุณาสละเวลาสักนิดเพื่อรับฟังหรือตอบข้อซักถาม เพราะสิ่งที่เภสัชกรเราแนะนำหรือซักถามจากท่าน ก็เพื่อนำมาพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการรักษาด้วยยาของแต่ละท่าน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละราย

หากท่านไม่ให้ข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คำแนะนำที่ได้รับก็อาจมีเกิดประโยชน์ต่อท่านอย่างแท้จริง

 

ไม่ใช่ถามเพราะจุ้นจ้านหรอกนะคะ …แต่ด้วยรักและปรารถนาดีค่ะ (เบ๋ย….)

rx12

 

แต่จะว่าไปแล้ว… ถ้าดิฉันนำป้าย “ห้ามดื้อ” มาติดจริง ๆ ผู้ป่วยที่น่ารักของดิฉัน คงแอบเอาป้ายนี้…

b9

 

มาติดไว้ข้าง ๆ กันแน่เลย ฮ่า…

แหม… ไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเภสัชกรก็ทำหน้าดุเวลาจ่ายยาจริง ๆ แหละ ก็นะ… เวลาหิว ๆ หรือเหนื่อย ๆ หน้ามันตึง ๆ ยังไงพิกลค่ะ แยกเขี้ยว เอ๊ย… ฉีกยิ้มไม่ค่อยจะไหว

 

และหากบางครั้งท่านได้ยินเภสัชกรเสียงดังเวลาจ่ายยา (พี่ ๆ พยาบาลถึงกับเคยเดินมาดูว่าดิฉันทะเลาะกับผู้ป่วยอยู่หรือเปล่า …คงกะมาห้ามศึกน่ะค่ะ ฮ่า… rx11ซึ่งทำให้ดิฉัน สูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปพักใหญ่ ๆ เพราะดิฉันเชื่อเสมอมาว่า ตัวเองเป็น “เภสัชกรผู้อ่อนหวาน” ฮ่า…) ก็อย่าเพิ่งตกใจกลัวนะคะ

ส่วนมากที่ต้องเสียงดังคับห้องนั้น ไม่ใช่ดุด่าอะไรเลยค่ะ แต่เป็นเพราะเมื่อประเมินความสามารถในการฟังของผู้ป่วยจากการซักถามข้อมูลเบื้องต้นแล้ว บางทีเภสัชกรก็จะพบว่าผู้ป่วยบางรายหูหนักหูตึง แต่อาย… ไม่กล้าบอกว่าฟังไม่ได้ยิน ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะอาศัยการอ่านปากของเภสัชกรที่พูดอยู่แทนการฟังเสียง

 

ในเมื่อทราบปัญหาและเห็นว่าผู้ป่วยไม่อยากให้กล่าวถึงปัญหาในการได้ยิน เภสัชกรก็จะอาจจะแก้ปัญหาโดยการเพิ่มระดับเสียงในการพูดไปเรื่อย ๆ จนสังเกตอากัปกิริยาตอบสนองของผู้ป่วยที่ทำให้เรามั่นใจว่าท่านได้ยินเราพูดชัดเจนดีน่ะค่ะ  ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความดังของเสียงแล้ว เราก็อาจจะพูดช้า ๆ และใช้คำสั้น ๆ ที่ดูเหมือนพูดห้วน ๆ เพราะเผื่อว่าถ้าผู้ป่วยฟังเสียงไม่ค่อยได้ยินจริง ๆ ก็จะใช้การอ่านปากช่วยได้ง่ายขึ้นไงคะ
rx12แม้ว่าเภสัชกรจะหน้าบูดไปนิด หรือเสียงดังไปหน่อย แต่ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เราไม่กระโจนข้ามเคาน์เตอร์จ่ายยามากัดท่านแน่นอน …รับรองได้ ฮ่า….

.

.


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
How can pharmacists develop patient-pharmacist communication skills? A realist review protocol. National Center for Biotechnology Information. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5260031/)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป