ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury: AKI) เป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญ ปัจจุบันยังพบว่าจำนวนผู้ป่วยและอัตราการเสียชีวิตจากภาวะดังกล่าวเพิ่มขึ้น ภาวะไตวายเฉียบพลันคือภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการคั่งค้างของของเสียภายในร่างกาย
เกณฑ์ในการวินิจฉัยภาวะไตวายเฉียบพลันนั้นยังมีความหลากหลาย ทำให้เกิดความสับสนในการวินิจฉัย
ตรวจไต ฟอกไต รักษาโรคไต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 50 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ปัจจุบันจึงเริ่มมีการใช้เกณฑ์ RIFLE เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง รวดเร็วและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังตารางด้านล่าง
เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะไตวายเฉียบพลันโดยใช้ RIFLE
ตรวจไต ฟอกไต รักษาโรคไต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 50 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ระยะ | เกณฑ์ในการจำแนกภาวะไตวายเฉียบพลัน | ปริมาณปัสสาวะที่ขับออก |
Risk | ระดับซีรัมครีเอตินิน (Creatinine) เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าจากค่า Baseline หรืออัตราการกรองของไตลดลงมากกว่า 25% | น้อยกว่า 0.5 มล./กก./ชั่วโมง เป็นเวลา 6 ชั่วโมง |
Injury | ระดับซีรัมครีเอตินิน เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากค่า Baseline หรืออัตราการกรองของไตลดลงมากกว่า 50% | น้อยกว่า 0.5 มล./กก./ชั่วโมง เป็นเวลา 12 ชั่วโมง |
Failure | ระดับซีรัมครีเอตินิน เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากค่า Baseline หรืออัตราการกรองของไตลดลงมากกว่า 75% หรือมีค่าซีรัมคริเอตินิน มากกว่า 4 มก./ดล.หลังจากนั้นค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 มก./ดล. | น้อยกว่า 0.3 มล./กก./ชั่วโมง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง หรือไม่มีปัสสาวะเป็นเวลา 12 ชั่วโมง |
Loss | ไตวายเฉียบพลันติดต่อกันมากกว่า 4 สัปดาห์ | |
ESKD | ไตวายเฉียบพลันติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน |
จากนั้นต่อมาได้มีการปรับปรุงเกณฑ์การวินิจฉัยเป็นเกณฑ์ AKIN ดังตารางด้านล่าง
เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะไตวายเฉียบพลันโดยใช้ AKIN
ระยะ | เกณฑ์ในการจำแนกภาวะไตวายเฉียพลัน | ปริมาณปัสสาวะที่ขับออก |
1 | ระดับซีรัมครีเอตินิน เพิ่มขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 0.3 mg/dl หรือเพิ่มขึ้น 1.5-2 เท่าจากค่า baseline | น้อยกว่า 0.5 มล./กก./ชั่วโมง เป็นเวลา 6 ชั่วโมง |
2 | ระดับซีรัมครีเอตินิน เพิ่มขึ้น 2-3 เท่าจากค่า baseline | น้อยกว่า 0.5 มล./กก./ชั่วโมง เป็นเวลา 12 ชั่วโมง |
3 | ระดับซีรัมครีเอตินิน เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากค่า baseline ระดับซีรัม creatinine เพิ่มขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 4 mg/dl ร่วมกับมีการเพิ่มขึ้นของค่าซีรัมครีเอตินิน อย่างน้อย 0.5 mg/dl อย่างรวดเร็ว | น้อยกว่า 0.3 ml/kg/hour เป็นเวลา 24 ชั่วโมง หรือไม่มีปัสสาวะเป็นเวลา 12 ชั่วโมง |
ยิ่งระยะความรุนแรงของภาวะไตวายเฉียพลันมากขึ้น อัตราการเสียชีวิตยิ่งเพิ่มขึ้น แม้จะมีเกณฑ์การวินิจฉัยที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการตรวจอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และได้มาตรฐานเดียวกัน แต่ผลการรักษาและอัตราการเสียชีวิตจากภาวะไตวายเฉียบพลันลดลงไม่มาก
ตรวจไต ฟอกไต รักษาโรคไต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 50 บาท ลดสูงสุด 83%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
มีการศึกษาว่า การที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ช้าเกินไป ทำให้ไตได้รับการบาดเจ็บและเสียหายไปมาก ส่งผลให้ตอบสนองต่อการรักษาได้ไม่ดี
เกณฑ์วินิจฉัยภาวะไตวายในปัจจุบันมีข้อจำกัดอย่างไร?
เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะไตวายเฉียบพลัน โดยใช้ RIFLE และ AKIN จะวินิจฉัยโดยดูจากการเพิ่มขึ้นของซีรัมครีเอตินิน และการลดลงปริมาณปัสสาวะที่ขับออก
แต่ระดับซีรัมครีเอตินินและปริมาณปัสสาวะที่ขับออกเป็นตัวที่ใช้สำหรับดูการทำงานของไตเท่านั้น ไม่สามารถบ่งบอกถึงการบาดเจ็บของไตได้
กว่าที่ระดับของซีรัมครีเอตินินและปริมาณปัสสาวะที่ขับออกจะมีการเปลี่ยนแปลง ไตจะต้องสูญเสียการทำงานมากกว่า 50% แล้ว ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ช้าเกินไป ระยะแรกที่เซลล์ของไตได้รับการบาดเจ็บ เซลล์ของไตจะหลั่งตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) ซึ่งสารที่บ่งชี้ถึงความเสียหายของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายจะสามารถตรวจพบได้ 48-72 ชั่วโมงก่อนที่ระดับซีรัมครีเอตินินจะเพิ่มขึ้นสูง
NGAL คืออะไร และใช้ในการวินิจฉัยภาวะไตวายเฉียพลันได้อย่างไร?
NGAL ย่อมาจาก Neutrophil Gelatinase-associated Lipocalin เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) ชนิดหนึ่งที่เป็นโปรตีนขนาด 25 กิโลดาลตัน สร้างขึ้นจากอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น ไต ปอด ตับ
ในภาวะปกติสามารถตรวจพบ NGAL ได้ในระดับต่ำ สามารถกรองผ่านไต และถูกดูดซึมกลับที่ท่อไตส่วนต้น (Proximal tubule) ได้ทั้งหมด แต่เมื่อไตได้รับบาดเจ็บ ไตจะผลิต NGAL เพิ่มขึ้นในกระแสเลือด และไตที่ได้รับบาดเจ็บจะสูญเสียความสามารถในดูดซึมสาร ทำให้สามารถตรวจพบ NGAL ได้ในปัสสาวะได้เช่นกัน
ระดับของ NGAL ที่สูงขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความเสียหายของไตที่มากขึ้นตามไปด้วย การตรวจพบ NGAL ตั้งแต่ระยะแรกที่ไตได้รับการบาดเจ็บก่อนที่ระดับของซีรัมครีเอตินินจะเพิ่มขึ้น จะช่วดลดอุบัติการณ์เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ถึง 15%
นอกจากนี้ระดับของ NGAL ยังสามารถใช้เพื่อทำนายผลการรักษาของคนไข้ได้
กล่าวคือ ระดับ NGAL ที่สูงสามารถทำนายถึงอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยภาวะไตวายเฉียบพลัน และระดับ NGAL ที่ต่ำสัมพันธ์กับการฟื้นตัวของการทำงานของไตหลังเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
การตรวจ NGAL ในเลือดเป็นตัวบ่งชี้ให้แพทย์ตัดสินใจเริ่มรักษาทดแทนไต ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็วขึ้นกว่าการใช้ระดับซีรัมครีเอตินิน และการลดลงปริมาณปัสสาวะที่ขับออก ถึง 48 ชั่วโมง
แต่การใช้ NGAL ยังมีข้อจำกัดในการใช้เช่นกัน เช่น โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) ภาวะความดันโลหิตสูง การติดเชื้อหรืออักเสบภายในร่างกาย ซึ่งสามารถตรวจเจอได้เช่นกัน ดังนั้นการวินิจฉัยและแปลผลภาวะไตวายเฉียบพลันจำเป็นที่ต้องดูอาการของคนไข้ร่วมด้วย