แม้ว่าจะปากจะบอกอยู่ปาว ๆ ว่าอย่าซื้อยาชุดมาใช้นะจ๊ะ แต่เภสัชกรหลาย ๆ คนในหลาย ๆ สถานบริการสุขภาพกลับจัดยาชุดกันมือเป็นระวิง! หรือถ้า “ไฮเทคโนโลยี” หน่อยก็ใช้เครื่องจัดยาอัตโนมัติมาจัดยาชุดอย่างเป็นล่ำเป็นสัน!!
ว่าแต่เขา... อิเหนาเป็นเองใช่มั้ย?!? (ฮ่า)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อันที่จริงแล้ว “ยาชุด” หรือ “ยาหลายชนิดที่จัดรวมอยู่ในซองเดียว” ซึ่งมีการรณรงค์เรื่อยมาว่าไม่ควรใช้ จะหมายถึง “ยาชุดแห้ง” ค่ะ ก็คือยาชุดที่มีการจัดไว้ล่วงหน้าเพื่อใช้กับ “ใครก็ได้” ไม่ใช่การจัดเตรียมโดยพิจารณาจากความต้องการและข้อจำกัดของ “ผู้ป่วยเฉพาะราย” อีกทั้งผู้จ่ายหรือผู้ขาย “ยาชุดแห้ง” มักจะไม่ได้ยึดความถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงที่จะได้รับอันตรายมากกว่าประโยชน์
แต่ก็ต้องยอมรับกันตรง ๆ นะคะว่า “ยาชุด” มันก็ใช้ได้สะดวกกว่ายาที่จัดแยกซองใครซองมันจริง ๆ แต่เพื่อความปลอดภัย หากจะนำหลักการนี้มาใช้ ก็ต้องขจัดความเสี่ยงที่เป็นข้อเสียของ “ยาชุดแห้ง” ออกไปก่อน โดยต้องทำให้ถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิชาการ นั่นคือ ถูกคน ถูกโรค ถูกขนาด ถูกเวลา ถูกวิธีใช้ และไม่เสื่อมคุณภาพ จึงเป็นที่มาของการจัด “ยาชุดสด” สำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายนั่นเองค่ะ
นอกจากจะให้ “ยาชุดสด” ช่วยเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยแล้ว ยังหวังผลในการลดความผิดพลาดหรือความคลาดเคลื่อนทางยา รวมถึงเพิ่มความสะดวกในการปฏิบัติงาน ซึ่งสุดท้ายแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลก็จะนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยนั่นเองค่ะ
ตัวอย่างของการจัด “ยาชุดสด” ที่พบเห็นได้ในบ้านเรา
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการใช้ยาได้ง่าย เช่น ผู้ป่วยสูงอายุที่ได้รับยารักษาโรคเรื้อรังหลายชนิด
- ผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาหลายชนิดรักษาโรคติดเชื้อต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ซึ่งต้องการความร่วมมือสูงในการใช้ยา เพื่อให้การรักษาได้ผลดีและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชน เช่น ผู้ป่วยวัณโรค
- ผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล (บางแห่ง โดยเฉพาะที่มีเครื่องจ่ายยาอัตโนมัติ)
แต่ในกรณีของการรักษาวัณโรคจะเน้นที่การใช้ระบบพี่เลี้ยงควบคุมกำกับการรับประทานยา หรือ Directly Observe Treatment Short course (DOTS) เป็นหลักค่ะ ส่วนการจัดยาชุดสดเพื่อให้ใช้และตรวจสอบการใช้ได้สะดวกจะถือเป็นส่วนเสริมที่อาจมีเพิ่มเติม โดยเฉพาะถ้ามีการใช้ยาเม็ดปกติ ซึ่งจะรับประทานได้ยากกว่ายาสูตรผสม (Fixed dose combination)
แต่สำหรับสถานพยาบาลที่มีเครื่องจ่ายยาอัตโนมัติ หรือ Automated dispensing machine ก็คงไม่เป็นปัญหา ทั้งในเรื่องการจัดยาและการระบุข้อมูลบนซอง เรียกได้ว่าสะดวกและง่าย เพราะใช้แค่ปลายนิ้วกดคำสั่ง ก็นั่งสวย ๆ รอ “ยาชุดสด” ที่ต้องการได้ (ฮ่า)
ติดที่ราคาของเครื่องจ่ายยาอัตโนมัติยังสูงมากอยู่ จึงยังไม่ได้มีใช้โดยทั่วไป แต่อนาคตก็ไม่แน่ค่ะ อาจได้เห็นว่าโรงพยาบาลทั่วประเทศมีการสั่งเครื่องจ่ายยาอัตโนมัติมาใช้กันหมดก็เป็นได้ และแม้ว่าร้านยาในบางประเทศ จะมีเครื่องจ่ายยาอัตโนมัติไว้ใช้งานบ้างแล้ว แต่ในบ้านเรา โดยเฉพาะร้านยาเล็ก ๆ และห่างไกลแสงสีอย่างร้านของดิฉัน คงต้องรอให้เค้าขายเลหลัง ลดราคาซัก 99.99% ค่อยอาจเอื้อมไปสอยมาไว้ใช้สักเครื่องบ้าง ตอนนี้ก็นั่งมองตาละห้อยไปก่อน (ฮ่า)
แต่ที่ดูแล้วน่าสนใจไม่หยอก แถมต้นทุนต่ำกว่ามาก ก็เป็นการจัดยาชุดระบบอัตโนมือนี่ล่ะค่ะ อย่างในภาพตัวอย่างก็ดูสวยงามน่าใช้ แถมมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่ควรมี ซึ่งก็ไม่แน่ว่าในอนาคต หากโครงการ “ระบบเติมยาผู้ป่วยที่ร้านยาคุณภาพ” ได้รับความนิยมแพร่หลาย ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ควบคุมอาการได้ดี เลือกที่จะไปร้านยาใกล้บ้านที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อรับยาตามใบสั่งแพทย์ แทนการไปนั่งรอคิวนาน ๆ ในโรงพยาบาล ก็อาจมีการนำระบบการจัดยาชุดสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังมาใช้ในร้านยาบ้างก็ได้นะคะ