หากพูดถึงฮอร์โมนกลูคากอน ย่อมไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก ยกเว้นแต่ผู้ที่มีอาการของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว กลูคากอนมีความสำคัญต่อร่างกายมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหลั่งอินซูลิน รวมถึงเรื่องของการเปลี่ยนไกลโคเจนให้กลายเป็นกลูโคสเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้น เรื่องของไกลโคเจนมักจะเป็นที่รู้จักกันดีในผู้ที่นิยมชมชอบการออกกำลังกายในรูปแบบของการเล่นเวทเทรนนิ่ง (Weightraining) เนื่องจากมีทฤษฎีเกี่ยวกับไกลโคเจนเพื่อที่จะคำนวณน้ำหนักที่จะยก พร้อมกับจำนวนครั้งที่จะยก แต่ก็ไม่ได้มีใครพูดถึงกลูคากอนอีกเช่นกัน เราจึงได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับกลูคากอนเพื่อให้ทำความเข้าใจกันมากขึ้น เพราะถ้าวันหนึ่งเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนชนิดนี้ขึ้นในร่างกาย จะได้รู้วิธีการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ฮอร์โมนกลูคากอน คืออะไร?
ฮอร์โมนกลูคากอน (Glucagon) เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ โดยผลิตขึ้นมาจากเซล์ชนิดหนึ่งในตับอ่อนที่ชื่อว่า Alpha cells การทำงานของฮอร์โมนกลูคากอน คือการเพิ่มระดับน้ำตาล (กลูโคส) เข้าไปในกระแสเลือด หรืออธิบายง่าย ๆ ว่าตรงข้ามกับการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินที่จะทำหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ก็จะมีการหลั่งกลูคากอนออกมา เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของตับให้มีการเปลี่ยนแปลงคาร์โบไฮเดรตที่มีการเก็บสะสมอยู่ภายในชื่อของ "ไกลโคเจน" แล้วเปลี่ยนมาเป็นกลูโคสแทน นอกจากนี้ กลูคากอนยังทำหน้าที่ในการสังเคราะห์กรดอะมิโนและกรดไขมันเพื่อให้เปลี่ยนเป็นกลูโคสที่มากขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าการทำงานของกลูคากอนและอินซูลินจะทำงานตรงข้ามกัน แต่ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้ก็จะทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงความสมดุลอยู่เสมอ
ตรวจระดับฮอร์โมนวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 382 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หากฮอร์โมนกลูคากอนมีการหลั่งผิดปกติ จะก่อให้เกิดโรคใดได้บ้าง?
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า การทำงานของกลูคากอนนั้น ขึ้นอยู่กับระดับน้ำตาลในกระแสเลือด เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเข้าสู่ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ กลูคากอนก็จะถูกหลั่งออกมาให้ทำหน้าที่ของมัน แต่ก็อาจจะมีบางคนที่พบปัญหาการหลั่งกลูคากอนที่ผิดปกติ ในกรณีที่กลูคากอนหลั่งมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดกระบวนการเร่งการสลายไกลโคเจนให้เป็นกลูโคสในตับมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น แต่ก็ไม่พบอันตรายใด ๆ เพราะยังไม่สูงพอที่จะทำให้เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 100 mg/dL ได้ (เนื่องจากอินซูลินจะมีการหลั่งออกมายับยั้งได้) ที่น่ากังวลก็คงจะเป็นในเรื่องของการหลั่งกลูคากอนที่น้อยจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำนั่นเอง
อาการของผู้ที่เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
โดยทั่วไปแล้ว ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน เนื่องจากร่างกายมีการเผาผลาญน้ำตาที่ตกค้างอยู่ไปจนหมด แต่เมื่อรับประทานอาหารมื้อแรกไปแล้วก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง โดยอาการที่สามารถพบได้จากผู้ที่มีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มีดังต่อไปนี้
- เหงื่อออกง่าย หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน (จึงมีสำนวนว่าดุเหมือนขาดน้ำตาล)
- มีความกระวนกระวาย มือสั่น อยู่ไม่นิ่งตลอดเวลา
- คิดอะไรไม่ออก เกิดการสับสน มึนงง วิตกกังวล หัวสมองตีบตัน
- หัวใจเต้นแรง ใจสั่น รู้สึกหวิว ๆ เหมือนจะเป็นลม
- รู้สึกชาที่ปากและใบหน้า ตัวเย็น
- ไม่ค่อยตอบสนองต่อปฏิกิริยาต่าง ๆ มีอาการง่วงซึมอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจพบการพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่มีสมาธิเท่าที่ควร
- ชัก และหมดสติ ถ้านำตัวส่งโรงพยาบาลช้าจนทำให้สมองขาดออกซิเจน อาจทำให้เกิดอัมพฤกษ์-อัมพาตครึ่งตัว
การรับฮอร์โมนกลูคากอนจากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย
สำหรับผู้ที่ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรง หรือผู้ที่ปัญหาเกี่ยวกับการหลั่งของฮอร์โมนกลูคากอนผิดปกติ ก็จะต้องรับการฉีดฮอร์โมนกลูคากอนเข้าไปทดแทน โดยฮอร์โมนกลูคากอนที่เอามาฉีด คือฮอร์โมนสังเคราะห์เพื่อใช้บำบัดรักษาโรคโดยตรง ซึ่งถูกบัญญัติไว้ในรายการเวชภัณฑ์พื้นฐานที่สถานพยาบาลต้องมีให้กับผู้ป่วยอยู่เสมอ ในรายที่มีปัญหาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอยู่ตลอดเวลา (อาจจะเกิดจากการได้รับอินซูลินมากจนเกินไปเนื่องจากเป็นโรคเบาหวาน) สามารถขอชุดฮอร์โมนไกลโคเจนติดบ้านไว้เพื่อฉีดด้วยตัวเองในกรณีที่มีเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้
เรื่องของระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ ก็ย่อมไม่ดีต่อร่างกายทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูแลตัวเอง เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ พร้อมกับออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ก็จะทำให้มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคร้ายต่าง ๆ ได้แล้ว