บ่อยครั้งที่ผู้คนซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยที่ไม่เคยสนใจมองดูฉลาก พวกเขามักจะบอกคนขายว่าต้องการวิตามินรวม แล้วซื้ออะไรก็ตามที่คนขาย หยิบยื่นให้โดยไม่รู้ตัวว่าอาจได้รับวิตามินที่ถูกโกงปริมาณ วิตามินรวมแต่ละ ชนิดมีปริมาณวิตามินที่แตกต่างกันไป และวิตามินที่แพงที่สุดก็ไม่จําเป็น ต้องเป็นของที่ดีที่สุด หนทางเดียวที่คุณจะมั่นใจได้ว่า คุณได้รับวิตามินบี 6 โฟลาซิน หรือวิตามินซีอย่างที่ต้องการ คือการอ่านตัวอักษรเล็กๆ ที่พิมพ์อยู่ บนฉลาก และหากคุณมีอาการภูมิแพ้ จะเป็นการฉลาดกว่าหากคุณทราบว่า ตัวเองกําลังรับประทานอะไรบ้างในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ดูเพิ่มเติมใน ตอนที่ 24)
หากมีคําบนฉลากที่คุณไม่เข้าใจ คุณสามารถถามเภสัชกรหรือคนขาย วิตามินได้ หากเขาไม่เข้าใจเช่นกัน คุณควรไปซื้อจากที่อื่นที่มีคนเข้าใจและ อธิบายคุณได้ และที่สําคัญที่สุด อย่าลืมตรวจสอบปริมาณที่คุณรับประทาน หากคุณได้รับคําแนะนําให้รับประทานวิตามินอีวันละ 4 เวลา ขนาดเม็ดที่คุณ รับประทานก็ควรจะต่ํากว่า 400 ไอยู วิตามินและแร่ธาตุมีหลากหลายขนาด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ขนาดที่ต้องการ การไม่เข้าใจฉลากอาจทําให้ คุณไม่ได้ผลดีจากวิตามินอย่างที่ควรจะเป็น
กฎที่ออกมาใหม่ขององค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) น่าจะช่วยให้ทําความเข้าใจกับฉลากได้ง่ายขึ้นมาก กฎนี้กําหนดให้วิตามิน แร่ธาตุ สมุนไพร และกรดแอมิโน เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่งผลให้ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องแสดงแผนผังข้อมูลผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplement บนอาหารสําเร็จรูป Facts) ในรูปแบบเดียวกับแผนผังข้อมูลทางโภชนาการ (Nutrition Facts)
แผนผังข้อมูลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้องประกอบด้วยขนาด/หน่วยบริโภค ที่เหมาะสมในการรับประทาน และข้อมูลเกี่ยวกับสารอาหารสิบสี่ชนิด หากม อยู่ในผลิตภัณฑ์นั้นๆในปริมาณมากระดับหนึ่ง ประกอบด้วยวิตามินเอ ช โซเดียม แคลเซียม และธาตุเหล็ก ส่วนประกอบที่ไม่มีค่าอาร์ดี/ไออาร์ดีเอ หรือขนาดที่แนะนําให้รับประทานต่อวันก็ต้องแสดงไว้บนฉลากด้วย ในกรณีของ สมุนไพรเสริมอาหาร ส่วนของพืชที่นํามาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ก็ต้องระบุไว้ เช่นกัน
แต่ท้ายสุดแล้ว สิ่งสําคัญที่สุดคือ คุณต้องอ่านฉลาก ขออนุญาตยกอีก ตัวอย่างหนึ่งคือ คําว่า “high potency” (ประสิทธิภาพสูงหรือมีฤทธิ์แรง) ซึ่ง กําหนดให้ใช้ได้ในกรณีที่วิตามินแบบเดี่ยวใดๆมีปริมาณเท่ากับร้อยละร้อยของ ขนาดที่แนะนําให้รับประทานต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วน่าเศร้าว่ายังจัดเป็น ปริมาณที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนในกรณีของวิตามินแบบรวม คําว่า “high potency” จะใช้ได้หากสองในสามของสารอาหารในเม็ดมีปริมาณเท่ากับร้อยละร้อยของ ปริมาณที่แนะนําให้รับประทานต่อวันเป็นอย่างต่ำ พูดอีกนัยหนึ่งคือ หากคุณ อยากจะได้ประโยชน์สูงสุดจากวิตามิน ควรที่จะอ่านฉลากมากกว่าข้อความชี้ชวน
หากคุณเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์และอยากอ่านเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพิ่มเติม สามารถสนับสนุน ดร.เอิร์ล มินเดลล์ (ผู้แต่ง) พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (แปล) ได้โดยการซื้อหนังสือวิตามินไบเบิล