จะฝึกลูกของคุณในการเล่นกีฬาได้อย่างไร

เป็นเรื่องยากที่จะเป็นทั้งผู้ฝึกสอนและพ่อแม่ แต่ก็สามารถทำได้
เผยแพร่ครั้งแรก 4 ก.ย. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
จะฝึกลูกของคุณในการเล่นกีฬาได้อย่างไร

เป็นเรื่องท้าทายที่จะสวมหมวกของการเป็นผู้ฝึกสอนและพ่อแม่ แต่หากมีการวางแผนล่วงหน้าเล็กน้อยและมีมุมมองที่ดี คุณและลูกก็จะสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้โดยที่ยังคงความสัมพันธ์ที่ดีไว้ และนี่เป็นตัวอย่างการฝึกสอนลูกของคุณในวิธีที่เหมาะสมกับทั้งคุณ ลูก และทีมทั้งหมด

พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนลงสนาม

ก่อนที่คุณจะตกลงเป็นผู้ฝึกสอนให้กับทีมของลูกคุณ คุณควรจะพูดเรื่องนี้กับเขาก่อน

คุณไม่ได้ขออนุญาตพวกเขา แต่คุณกำลังสร้างความคาดหวังให้เกิดขึ้น ลองถามลูกเกี่ยวกับความรู้สึกของพวกเขาที่คุณกำลังจะมาเป็นผู้ฝึกสอน พวกเขามีคำถามหรือความกังวลที่คุณสามารถช่วยได้ในตอนนี้หรือไม่ ลองสมมติสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเช่น “ลูกจะรู้สึกอย่างไรหากพ่อสั่งลงโทษลูก ? อะไรจะเกิดขึ้นหากพ่อต้องฝึกระเบียบวินัยให้ลูกหรือเพื่อนของลูก ? หรือถ้าเพื่อนของลูกบอกว่าพ่อเป็นคนใจร้าย หรือบอกว่าพ่อกำลังชมลูกเพราะว่าพ่อเป็นพ่อของลูก ?

ลองปรึกษาวิธีที่คุณอาจจะจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวและเตือนลูกว่าคุณกำลังจะมาเป็นผู้ฝึกสอนของทั้งทีม ดังนั้นคุณจะต้องตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของทั้งทีม การที่คุณแสดงให้ทุกคน (ผู้เล่น พ่อแม่ และผู้ฝึกสอนคนอื่น) เห็นว่าคุณไม่ได้เข้าข้างใครนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นต้องขอบคุณลูกของคุณล่วงหน้าสำหรับความเข้าใจเรื่องราวที่อาจจะเกิดขึ้น และลองตรวจสอบเป็นระยะว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรระหว่างฤดูกาล

แบ่งแยกการฝึกสอนกับการเลี้ยงลูกออกจากกัน

เมื่อคุณอยู่กับทีม คุณกำลังเป็นผู้ฝึกสอน แต่เมื่ออยู่บ้าน คุณจะต้องเป็นพ่อหรือแม่ Jim Thompson จาก Positive Coaching Alliance กล่าวว่าผู้ฝึกสอนบางคนมีหมวกพิเศษที่จะใส่เฉพาะเมื่อกำลังฝึกสอนทีมที่ลูกของพวกเขาอยู่เท่านั้น เพราะเมื่อจบเกมพวกเขาจะได้ถอดหมวกของผู้ฝึกสอนออกและใส่หมวกของความเป็นพ่อแทน

คุณสามารถเปลี่ยนจากหมวกมาเป็นเสื้อเชิ้ต แจ๊กเก็ตหรือแม้กระทั่งนกหวีดได้ ให้มันเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับคุณและลูกของคุณ คุณอาจจะขอให้ลูกของคุณเรียกคุณว่าผู้ฝึกสอนเมื่อคุณกำลังทำหน้าที่ มันอาจเป็นเรื่องแปลกในช่วงแรก แต่มันจะช่วยให้คุณแยกบทบาทของทั้งสองอย่างออกจากกันได้

และเนื่องจากคุณคงไม่ต้องการให้บทบาทของความเป็นพ่อแม่นั้นเข้ามาขัดขวางระหว่างการเป็นผู้ฝึกสอน คุณอาจจะต้องเก็บเรื่องที่บ้านไว้ขณะเล่นกีฬา ดังนั้นควรเก็บคำแนะนำเกี่ยวกับการเล่นไว้เฉพาะตอนที่ฝึกสอนและไม่ฝึกเพิ่มเติมให้เฉพาะลูกของคุณที่บ้าน หากพวกเขาต้องการจะเล่นมาก ๆ ก็ควรทำให้เป็นกิจกรรมที่สนุกและไม่กดดัน และควรพูดเฉพาะการให้กำลังใจ หลีกเลี่ยงการพูดถึงเพื่อนร่วมทีมของลูกกับลูกหรือในทุกครั้งที่พวกเขาอาจได้ยินคำพูดของคุณได้

สอนให้มีความยุติธรรม

นี่เป็นเรื่องที่สำคัญและพูดง่าย แต่สิ่งที่ยากนั้นก็คือการกระทำ เมื่อคุณฝึกสอนลูกของคุณเอง คุณจะต้องหลีกเลี่ยงการให้สิทธิพิเศษแก่ลูกของคุณ

นอกจากนั้น คุณยังจะต้องระมัดระวังโดยการไม่กดดันลูกจนเกินไป เพื่อพยายามแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง

ดังนั้นคุณจะวางตัวอย่างไร ? ลองหาผู้สนับสนุนดู ก่อนที่จะเริ่มการฝึกสอน ลองขอให้ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนหรือพ่อแม่คนอื่นช่วยคุณในเรื่องนี้ ให้พวกเขาสามารถให้คำแนะนำได้โดยตรงในทุกเมื่อหากจำเป็น (แน่นอนว่าคุณจะต้องเตรียมตัวที่จะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด แม้ว่าข้อความเหล่านั้นอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจก็ตาม)

มีความสุข

การเป็นผู้ฝึกสอนให้กับลูกของคุณนั้นจะทำให้เขาและคุณมีโอกาสใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น การแบ่งปันกิจกรรมที่ทั้งคุณและพวกเขาต่างชื่นชอบนั้นเป็นเรื่องที่ดี


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Signs That Your Child's Coach Is a Jerk. Verywell Family. (https://www.verywellfamily.com/signs-your-sons-coach-is-a-jerk-and-a-bully-460657)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป