แม้ว่าโรคผื่นผิวหนังอักเสบและโรคสะเก็ดเงินจะมีลักษณะของโรคที่แตกต่างกัน แต่อาการของโรคนั้นคล้ายคลึงกันคือ จะทำให้ผิวมีลักษณะแห้ง ตึง และเจ็บคัน ต้องขอบคุณวิธีการรักษาเหล่านี้ที่จะช่วยบรรเทาอาการและลดความตึงแห้งของผิวหนังลงได้
1. เนยขาว
เนยขาวที่มีลักษณะมันและเหนียวข้นนั้นเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมารักษาผิวแตกและแห้งอย่างรุนแรง วิธีการคือ ทาเนยขาวบริเวณผิวที่แห้ง คลุมด้วยถุงพลาสติกหรือพลาสติกคลุมอาหารแล้วพันด้วยเทปกาวอีกครั้งเพื่อกันไม่ให้พลาสติกลื่นหลุด แรปทิ้งไว้ประมาณ 2-4 ชั่วโมง เพื่อให้เนยซึมซาบเข้าสู่ผิว หากเป็นไปได้ควรทำทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2. แช่ตัวด้วยสูตรพิเศษ
วิธีแรกคือ ผสมน้ำมันพืชหรือน้ำมันแร่กับน้ำอุ่นที่จะใช้แช่ตัวหรืออาบจะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น อีกวิธีคือ ผสมน้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา และนม 1 แก้ว กับน้ำที่จะใช้แช่ตัวหรืออาบ นอกจากนี้ การอาบน้ำข้าวโอ๊ตก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการคันของผิวหนัง วิธีการคือ บดข้าวโอ๊ตให้ละเอียด (ไม่ควรใช้ข้าวโอ๊ตสำเร็จรูปที่มีการแต่งกลิ่นและรสชาติ) ใส่ลงไปในอ่างอาบน้ำหรือถังน้ำที่จะใช้อาบ เติมดีเกลือที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม 1-3 ถ้วยตวง เพื่อช่วยลดอาการคันและเพื่อให้สะเก็ดแผลหลุดออก หรืออาจเติมน้ำมันหอมระเหย 1 ช้อนชา เพื่อช่วยรักษาอาการแห้งแตกของผิวหนัง
3. ขมิ้นชัน
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ขมิ้นชันสามารถยับยั้งการติดเชื้อโดยเฉพาะการติดเชื้อบริเวณผิวหนังรวมถึงโรคสะเก็ดเงินด้วย เนื่องจากขมิ้นชันมีสารประกอบที่เรียกว่า เคอร์คูมิน ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถป้องกันผิวจากการแพร่กระจายของอนุมูลอิสระและช่วยให้แผลผดผื่นหายเร็วขึ้นได้ เพียงทานอาหารที่สามารถปรุงผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชาลงไปด้วยเป็นประจำทุกวัน เช่น ข้าว สลัดผัก พาสต้า หรืออาหารอื่นๆ เป็นต้น
4. น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ถือเป็นยาสามัญประจำบ้านชนิดหนึ่งที่ใช้กันมานานเพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาการติดเชื้อและรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อได้อีกด้วย วิธีการคือ ใช้สำลีชุบน้ำส้มสายชูแล้วทาบริเวณแผลผดผื่นหรือผิวที่ติดเชื้อ หรือหากผื่นมีบริเวณกว้าง สามารถใช้ผ้าสะอาดโดยใช้หนึ่งส่วนชุบน้ำส้มสายชูและอีกหนึ่งส่วนชุบน้ำเปล่าแล้ววางไว้บริเวณผิวที่ติดเชื้อ ข้อควรระวัง! ไม่แนะนำให้ใช้วิธีการนี้หากแผลของคุณมีลักษณะแห้งแตก ตกสะเก็ดและมีเลือดออก เนื่องจากน้ำส้มสายชูจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้
5. น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกเป็นอีกหนึ่งน้ำมันธรรมชาติที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดอาการอักเสบได้ ลองถูน้ำมันมะกอกอุ่นๆ ลงบนผิวที่ติดเชื้อเพื่อทำให้ผิวนุ่มขึ้น และถ้าหากโรคสะเก็ดเงินเกิดขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ลองใช้น้ำมันมะกอกทาลงไปบนหนังศีรษะขณะอาบน้ำเพื่อกำจัดผิวที่แห้งออกไป นอกจากนี้ การใส่น้ำมันมะกอกลงไปในอาหารจานโปรดของคุณก็สามารถช่วยบำรุงรักษาผิวของคุณได้เช่นกัน
6. เมล็ดลินิน (Flaxseeds)
เมล็ดลินินนั้นอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่สามารถยับยั้งกรดอะราคิโดนิกอันเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ วิธีการคือ บดเมล็ดลินิน 2-3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นผสมเมล็ดลินินบดลงไปในอาหารต่างๆ ที่คุณรับประทาน เช่น สมูตตี้แก้วโปรด ข้าวโอ๊ตมื้อเช้า หรือชามสลัดเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ คุณยังสามารถผสมน้ำมันลินินกับน้ำสลัดได้อีกด้วย
7. ทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil)
ผสมทีทรีออยล์ 2-3 หยด กับน้ำมันมะกอกเล็กน้อย แล้วทาบริเวณผิวที่เป็นผดผื่นหรือติดเชื้อ 4-5 ครั้งต่อวัน จะช่วยบรรเทาอาการคันและทำให้แผลที่แห้งแตกนั้นนุ่มขึ้น วิธีนี้ใช้ได้ดีมากหากอาการไม่รุนแรงนัก
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
8. ว่านหางจระเข้
เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์นั้นอุดมไปด้วยสารป้องกันอาการอักเสบและช่วยรักษาอาการติดเชื้อได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเย็นสบายให้แก่ผิวหนังที่เป็นผื่นแพ้ได้ด้วย หากคุณมีอาการผื่นผิวหนังอักเสบหรือเป็นโรคสะเก็ดเงิน แนะนำให้ปลูกว่านหางจระเข้ไว้ที่บ้าน เพื่อที่จะได้ใช้ว่านหางจระเข้แบบสดๆ อย่างไรก็ตาม เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์นั้นสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาหรือร้านขายอาหารเสริมเพื่อสุขภาพทั่วไป
9. เบกกิ้งโซดา
ผสมเบกกิ้งโซดา 1 ½ ถ้วยตวง กับน้ำเปล่า 3 แกลลอน (ประมาณ 11 ลิตร) จากนั้นใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำแล้ววางไว้บริเวณผิวที่เกิดผดผื่นคันหรือติดเชื้อ จะช่วยให้อาการหายเร็วขึ้น
10. น้ำมันปลา
มีการศึกษาวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ยืนยันเกี่ยวกับกรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา ว่าสามารถรักษาอาการผื่นผิวหนังอักเสบและโรคสะเก็ดเงินได้หากรับประทานอาหารเสริมโอเมก้า 3 ปริมาณ 3-10 กรัมต่อวัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการท่านอาหารเสริมใดๆ เพื่อคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของคุณ อย่างไรก็ตาม กรดไขมันโอเมก้า 3 พบมากใน น้ำมันมะกอก เมล็ดลินิน ถั่วเปลือกแข็ง และปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาทู และปลาทูน่า เป็นต้น หรืออาจทานปลากระป๋องอย่างน้อย 84 – 112 กรัมต่อสัปดาห์
ข้อควรระวัง! กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่พบมากในดอกคำฝอย ดอกทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด จะทำให้อาการอักเสบนั้นแย่ลง