โรคเริมเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกวัย ผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วมักจะมีเชื้อฝังอยู่ที่ปมประสาท ถึงแม้ว่าจะทำให้ดูภายนอกปกติไม่มีอาการแสดง แต่หากเมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอ โรคเริมก็จะกลับมาเป็นซ้ำและแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นต่อไปได้
เริมที่ฝ่ามือคืออะไร
คือโรคผิวหนังอันเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่พบได้น้อย ส่วนใหญ่เราจะพบโรคเริมได้บ่อยที่บริเวณปากและอวัยวะเพศ โดยมีลักษณะเป็นตุ่มใสๆ เล็กๆ อยู่ไม่นานก็จะแตกแห้งเป็นแผลตกสะเก็ด และสามารถหายได้เองภายใน 5 – 10วัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
โรคเริมที่ฝ่ามือเป็นโรคติดต่อผ่านการสัมผัสหรือแพร่เข้าสู่กระแสเลือดได้เหมือนเริมที่ปากและอวัยวะเพศ โรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำได้บ่อยๆ หรือมีอาการเรื้อรังเป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำที่ส่วนใหญ่จะมีอาการรุนแรง
สาเหตุของโรคเริมที่ฝ่ามือ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม (Herpes simplex virus – HSV) เป็นคนละชนิดกับไวรัสอีสุกอีใสหรือโรคงูสวัด โรคเริมที่ฝ่ามือจะแยกออกได้เป็น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ HSV-1 มักเกิดขึ้นที่ปาก และ HSV-2 มักเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ
การติดต่อของโรคเริมที่ฝ่ามือจะเกิดขึ้นจากการเอามือไปสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นโรคเริม ด้วยวิธีผ่านทางรอยถลอกของผิวหนังหรือเยื่อบุตา ช่องปาก อวัยวะเพศทั้งชายหญิง ปากมดลูก ทวารหนัก น้ำลายหรือสารคัดหลั่ง โดยหากเกิดขึ้นในเด็กจะมีสาเหตุมาจากการดูดนิ้ว หรือผู้ใหญ่เป็นโรคเริมที่ปากแล้วไปหอมแก้ม ส่วนในผู้ใหญ่มักเกิดจากการสัมผัสกันระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือจากการเล่นกีฬาที่ต้องสัมผัสตัวโดยตรง
อาการของโรคเริมที่ฝ่ามือ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะมีอาการปวดแสบร้อนประมาณ 30 นาที – 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะมีตุ่มน้ำใสๆ
ขนาด 2 – 3 มิลลิเมตร และจะเกิดเป็นกลุ่มล้อมรอบด้วยผื่นแดง ก่อนที่ตุ่มใสนั้นจะกลายเป็นสีเหลืองแตกแห้งกลายเป็นสะเก็ด
หากติดเชื้อครั้งแรกจะมีอาการค่อนข้างหนัก เพราะจะเกิดการอักเสบที่รุนแรงและอาจมีลักษณะคล้ายเป็นตุ่มหนองหรือฝี
(Herpetic whitlow) ประมาณ 7 – 10 วัน บางรายอาจมีไข้และต่อมน้ำเหลืองอักเสบร่วมด้วย
วิธีการรักษา
ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการไม่ชัดเจน แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากประวัติ อาการ และตรวจเลือดหรือดูจากตุ่มน้ำหรือขูดแผลเอาเนื้อเยื่อไปตรวจหาเชื้อเริม จากนั้นจึงทำการรักษาด้วยวิธีดังนี้
1. รักษาตามอาการของโรค ถ้ามีอาการปวดหรือมีไข้ก็จะให้ยาลดไข้และยาบรรเทาอาการคัน เพราะโดยปกติโรคเริมมักหายได้เองอยู่แล้ว
2. ควบคุมโรคด้วยการให้ยาต้านไวรัส ซึ่งมีตัวยาหลายชนิดอย่างเช่นยาอะไซโคลเวียร์หรือยาวาลาไซโคลเวียร์ ทั้งนี้จะต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ เพื่อช่วยลดความรุนแรงรวมทั้งลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นด้วย แต่ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนอย่างเช่นสมองอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แพทย์ก็จะให้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
วิธีการป้องกัน
- ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ติดเชื้อได้ง่าย เช่น ปาก มือ อวัยวะเพศ น้ำลาย และสารคัดหลั่ง
- รักษาอนามัยส่วนตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น โดยล้างมือและล้างอวัยวะเพศให้สะอาด หมั่นตัดเล็บให้สั้น ไม่แกะเกาผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่จะทำให้เกิดโรคเริมขึ้นได้ เช่น อารมณ์เครียด ความกังวล การถูกแดดจัดนานๆ การถูไถจนเกิดรอยถลอก การเสียดสีของผิวหนังกับเสื้อผ้า การผ่าตัดที่กระเทือนเส้นประสาท และไม่สวมเสื้อผ้าคับแน่นเกินไป
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันผู้ที่เป็นโรคเริม
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
โรคเริมที่ฝ่ามือเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้โดยตรง แต่การป้องกันด้วยตัวเองก็สามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก จึงอาจเรียกว่าแม้ไม่หายขาดแต่ยังจัดการควบคุมโรคได้นั่นเอง