หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า การใช้กลูต้าไธโอนช่วยทำให้ผิวขาว แต่ก็คงเคยได้ยินเช่นกันว่าการใช้กลูต้าไธโอนนั้นมีผลข้างเคียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร HonestDoc มีคำตอบ
กลูต้าไธโอนคืออะไร?
กลูต้าไธโอน (Glutathinone) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองจากอาหาร และจะถูกเก็บไว้ที่ตับ ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่อยู่ตามร่างกาย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงช่วยตับทำลายและขจัดสารพิษ (Detoxification) โดยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกาย
โดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก สารระเหย รวมถึงยาบางชนิดที่ชอบไขมัน ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้น และง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลาย โดยแอลกอฮอล์และการได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด
ในบางประเทศ กลูต้าไธโอนได้รับการรับรองให้ขึ้นเป็นทะเบียนยาเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมาก ใช้รักษาภาวะการเป็นพิษจากโลหะหนัก และพิษจากยาพาราเซตามอล ส่วนในบางประเทศนั้นใช้เป็นอาหารเสริม สำหรับในประเทศไทย กลูต้าไธโอนยังไม่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
การใช้กลูต้าไธโอนเพื่อผิวขาวทำได้จริงไหม?
ส่วนการใช้กลูต้าไธโอนสำหรับให้ผิวขาวนั้น พบว่าเป็นผลข้างเคียงจากการใช้เพื่อรักษาโรคอื่นแล้วมีผลทำให้ผิวขาวขึ้น จึงได้รับความนิยมนำมาใช้เพื่อให้ผิวขาวในหมู่คนทั่วไป อย่างไรก็ตาม การใช้กลูต้าไธโอนในทางการแพทย์ของประเทศไทยยังไม่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา
เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ง่าย และมีความรุนแรงหากมีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ตัวอย่างผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ผู้ที่ได้รับสารกลูต้าไธโอนเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องจะทำให้เม็ดสีที่จอตาลดลง ทำให้รับแสงได้น้อยลง เกิดความเสี่ยงต่อการมองเห็นและอาจตาบอดได้ในอนาคต
หากมองไปที่สีจอตาก็จะเห็นว่าจอตาเป็นสีออกขาว วารสารทางการแพทย์สหรัฐอเมริกาจึงจัดว่าเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางตาได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
นอกจากนี้ การฉีดกลูต้าไธโอนเข้าหลอดเลือดโดยตรงยังมีโอกาสทำให้แพ้ได้ เช่น เกิดอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ทำไมฉีดกลูต้าไธโอนแล้วถึงขาวขึ้น?
เหตุที่ผู้ได้รับการรักษาด้วยการฉีดกลูต้าไธโอนนั้นมีสีผิวรวมถึงจอตาที่ขาวขึ้น มาจากกลูต้าไธโอนมีผลยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีผิว จึงส่งผลให้เม็ดสีผิวเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำเป็นสีชมพูขาว
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้สาวๆ หลายคนนำผลข้างเคียงของยามาใช้ทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการนำยามาใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์
ผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนที่พบจำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน และมีการโฆษณาว่าช่วยให้ผิวขาวได้ ซึ่งความจริงแล้วการรับประทานกลูต้าไธโอนไม่สามารถที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้โดยตรง
จึงไม่ควรไปเสียเงินซื้อมารับประทาน เนื่องจากกลูต้าไธโอนมีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่เกินกว่าที่จะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหารได้ และยังสลายตัวได้ง่ายในทางเดินอาหารอีกด้วย
มีผู้พยายามนำกลูต้าไธโอนมาใช้ในรูปแบบยาฉีดมากันมากขึ้น เนื่องจากจะมีการดูดซึมดีกว่าจึงเห็นผลดีกว่ากลูต้าไธโอนชนิดรับประทาน แต่การฉีดกลูต้าไธโอนเข้าหลอดเลือดดำนั้นพบว่ามีความเสี่ยง
เนื่องจากเหตุผลการแพ้ยาดังที่ได้กล่าวมา ในประเทศที่อนุญาตให้มีการฉีดกลูต้าไธโอนเพื่อการรักษา ก็จำเป็นต้องทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพที่เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการให้ยา
ด้วยเหตุผลด้านกฎหมายที่กล่าวมาทั้งหมด กลูต้าไธโอนที่มีอยู่ในประเทศไทยจึงมาจากการลักลอบผลิตและจำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย ทำให้ผลิตภัณฑ์ยิ่งอันตราย เพราะไม่มีการกำกับดูแลจากเจ้าหน้าที่รัฐ และยังเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาอีกด้วย
นอกจากนี้ ผิวที่ขาวขึ้นจากกลูต้าไธโอนนั้นยังอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากต้องการให้ผลอยู่ในระยะยาวจำเป็นต้องฉีดซ้ำเป็นระยะๆ ทำให้ยาสะสมในร่างกายมากขึ้น และอาจมีความเป็นพิษต่อตับ รวมถึงอาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้