ภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติ (Endometrial Hyperplasia) เป็นภาวะที่เยื่อบุด้านในมดลูกเกิดการหนาตัวขึ้นกว่าปกติ และเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ
ภาวะนี้ไม่ใช่มะเร็งแต่มีโอกาสทำให้เกิดมะเร็งโพรงมดลูกในอนาคตได้
ประเภทของภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติ
ภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติแบ่งประเภทตามลักษณะของเซลล์ที่ผิดปกติได้ดังนี้
- เยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบไม่ซับซ้อนและไม่มีเซลล์ผิดปกติ (Simple hyperplasia) เป็นชนิดที่ไม่อันตรายที่สุด
- เยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบซับซ้อนแต่ไม่มีเซลล์ผิดปกติ (Complex hyperplasia)
- เยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบไม่ซับซ้อนและมีเซลล์ผิดปกติ (Simplex atypical hyperplasia)
- เยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบซับซ้อนและมีเซลล์ผิดปกติ (Complex atypical hyperplasia)
อาการของภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติ
อาการที่พบได้บ่อยที่สุดคือ การมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือมีเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติระหว่างรอบเดือน
หากมีรอบเดือนสั้นกว่า 21 วัน ควรไปพบแพทย์ และควรนับรอบเดือนจากวันแรกที่มีประจำเดือน จนถึงวันแรกของการมีประจำเดือนในเดือนถัดไป หากคุณไม่มีประจำเดือนแล้วแต่มีอาการดังกล่าว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงความผิดปกตินี้ด้วย
สาเหตุของภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติ
ภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติอาจเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายมีฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณมาก แต่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไม่เพียงพอ
ฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากรังไข่ในช่วงต้นของรอบเดือน ฮอร์โมนนี้จะส่งผลให้มีการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมต่อการตั้งครรภ์
เมื่อมีการตกไข่ก็จะทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาเพื่อช่วยสนับสนุนไข่ที่มีการปฏิสนธิแล้ว แต่หากไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ระดับของฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดก็จะลดลง
การลดลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะกระตุ้นให้เยื่อบุมดลูกลอกตัวออกมากลายเป็นประจำเดือน
ดังนั้นการทำงานที่สัมพันธ์กันของฮอร์โมนทั้งสองนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เยื่อบุมดลูกหนาตัวขึ้นและลอกตัวออกเมื่อไม่มีการตั้งครรภ์
แต่หากมีฮอร์โมนชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป หรือน้อยเกินไปจนทำให้เกิดการไม่สมดุลกัน ก็อาจทำให้เกิดภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวกว่าปกติได้
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน
- เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง ทำให้รังไข่ไม่มีการผลิตไข่ และร่างกายไม่ผลิตโปรเจสเตอโรนอีกต่อไป
- อยู่ในช่วงก่อนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ทำให้เริ่มเกิดความผิดปกติในการผลิตไข่
- อยู่ในช่วงวัยทองและได้รับฮอรโมนเอสโตรเจนในการรักษาด้วยวิธีฮอร์โมนบำบัด
- มีรอบเดือนไม่ปกติ
- มีภาวะมีบุตรยาก
- มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ
- ได้รับยาที่มีการทำงานเลียนแบบฮอรโมนเอสโตรเจน
- มีโรคอ้วน หรือน้ำหนักเกินจนจัดอยู่ในภาวะอ้วน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติได้ เช่น
- อายุมากกว่า 35 ปี
- เริ่มมีประจำเดือนเร็ว หรือหมดประจำเดือนช้า
- สูบบุหรี่
- มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งรังไข่
- ตนเอง หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคเบาหวาน ถุงน้ำในรังไข่ โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี หรือโรคต่อมไทรอยด์
การวินิจฉัยภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติ
แพทย์จะสอบถามอาการและความผิดปกติที่เกิดขึ้น รวมถึงประวัติสุขภาพของผู้ป่วยและคนในครอบครัวผู้ป่วย ส่วนใหญ่เมื่อมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ แพทย์อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น
- การตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด
- การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจและการขูดมดลูก เพื่อนำตัวอย่างไปวิเคราะห์ผลในห้องปฏิบัติการ
- การส่องกล้องดูความผิดปกติในมดลูก
- การให้รับประทานยาฮอร์โมน เพื่อช่วยในการวินิจฉัย
การรักษาภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติ
การรักษาภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติมักทำโดยการให้ฮอร์โมนทดแทน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์มีทั้งชนิดรับประทานและครีมทาที่ช่องคลอด การฉีด หรือใส่ห่วงคุมกำเนิด
ในกรณีที่วินิจฉัยว่า เป็นภาวะเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบมีเซลล์ผิดปกติร่วมด้วยและไม่ต้องการที่จะมีบุตรอีกในอนาคต แพทย์อาจแนะนำให้ตัดมดลูกออก เนื่องจากภาวะนี้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งได้มาก
ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
ผู้ป่วยที่เป็นเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติแบบไม่ซับซ้อนและไม่มีเซลล์ผิดปกติซึ่งเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งค่อนข้างน้อย
ส่วนผู้ป่วยที่เป็นเยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติที่มีเซลล์ผิดปกติก็จะมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งจะสูงกว่า ดังนี้
- กลุ่มที่มีเซลล์ผิดปกติแบบไม่ซับซ้อน (Simple atypical) จะมีโอกาสในการกลายเป็นมะเร็งได้ประมาณ 8% หากไม่ได้รับการรักษา
- กลุ่มที่มีเซลล์ผิดปกติแบบซับซ้อน (Complex atypical) สามารถกลายเป็นมะเร็งได้ถึง 29% หากไม่ได้รับการรักษา
ระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงเป็นเรื่องซับซ้อนและละเอียดอ่อน หากมีอาการต่อไปนี้ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ มีเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติระหว่างรอบเดือน มีรอบเดือนสั้นกว่า 21 วัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป
หากเป็นไปได้ผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปทุกคน ควรได้รับการตรวจสุขภาพ ตรวจภายใน และตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำทุกปี
อย่างไรก็ตาม หากมีเลือดออกในผู้ที่อยู่ในวัยทอง นั่นเป็นสัญญาณอันตราย ควรพบแพทย์โดยเร็ว
ดูแพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งสำหรับผู้หญิง เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
ไปพบคุณหมอมาค่ะ ตรวจภายใน คุณหมอแจ้งว่า เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกโตผิดที่ คำถามคือ มีทางรักษา มั้ยคะ หรือมีวิธีรักษายังไงบ้าง อันตรายถึงชีวิตมั้ยคะ