"หลั่งนอกจะท้องไหม" เป็นหนึ่งในคำถามที่คู่รักหลายคู่ต่างสงสัย ถึงแม้จะมีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องการหลั่งนอกไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ และเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากก็ตาม
รูปแบบการคุมกำเนิดแบบหลั่งนอก
การคุมกำเนิดแบบหลั่งนอก มี 2 รูปแบบ ดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- สอดใส่ไปก่อน แล้วถอนอวัยวะเพศออกมาจากช่องคลอดก่อนหลั่งน้ำอสุจิ
- สวมถุงยางก่อนสอดใส่ สามารถหลั่งในได้ หลั่งแล้วจึงถอนอวัยวะเพศออกมา หรือบางคนอาจออกมาหลั่งข้างนอก
ซึ่งการคุมกำเนิดทั้ง 2 วิธีนี้ ถือเป็นวิธีที่รบกวนจังหวะในการมีเพศสัมพันธ์ของคู่รัก ทำให้อารมณ์สะดุด ค้างคา หรือไม่ถึงจุดสุดยอดได้ คู่รักหลายคู่จึงเลือกที่จะใช้วิธีการหลั่งในแทน
นอกจากนี้ยังมีคู่รักบางคู่ที่ไม่พึงพอใจต่อการใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากรู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมขัดขวางการสัมผัสตามธรรมชาติ ทำให้ไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่เลือกวิธีการหลั่งนอก หรือหลั่งในแทน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องถุงยางอนามัยสามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกถุงยางรุ่นที่บางเป็นพิเศษ หรืออาจใช้ถุงยางชนิดผิวไม่เรียบ เพื่อเพิ่มผิวสัมผัสให้รู้สึกแตกต่างจากความเรียบลื่นเวลาใช้ถุงยางปกติได้
การที่เราใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์นั้น นอกจากจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย
ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดแบบหลั่งนอก
- การหลั่งนอกโดยไม่สวมถุงยางอนามัย มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% เนื่องจากน้ำหล่อลื่นของผู้ชายที่ออกมาเพียงเล็กน้อยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ก็มีอสุจิผสมอยู่ด้วย
- การสวมถุงยางนามัย มีโอกาสตั้งครรภ์ 2-18% เนื่องจากบางคนอาจใช้ถุงยางอนามัยผิดวิธี หรือปล่อยคาไว้นานหลังจากหลั่ง ทำให้อาจมีการปนเปื้อนได้ แต่หากใช้ถูกวิธี และถุงยางอนามัยไม่ฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% เท่านั้น
แม้ว่าดูช่วงตัวเลขในด้านบน จะเห็นว่า การใช้วิธีหลั่งนอกมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์สูงกว่าการใช้ถุงยางอนามัยไม่มากนัก แต่เนื่องจากในทางปฏิบัติจริง น้อยคนนักที่จะเชี่ยวชาญจนสามารถควบคุมการหลั่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น หลั่งระหว่างสอดใส่ ถอนอวัยวะเพศออกมาไม่ทัน หรือมีเชื้ออสุจิค้างจากรอบที่แล้ว
โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ใจร้อน ตื่นเต้นง่าย หรือขาดประสบการณ์ จึงมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด และตั้งครรภ์ได้สูง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เราจึงพบว่า คู่รักส่วนใหญ่ที่ใช้วิธีหลั่งนอก มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% หรือเปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือ ใน 4–5 ครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แล้วป้องกันด้วยการหลั่งนอก จะมี 1 ครั้งที่พลาด และเกิดการตั้งครรภ์
ในขณะที่การใช้ถุงยางอนามัย หากใช้อย่างถูกต้อง และไม่เกิดปัญหารั่วซึม หรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2%
ดังนั้น สิ่งที่ควรระวังก็คือ การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง และเหมาะสม ไม่ใช้ถุงยางอนามัยหมดอายุ เก็บในที่แห้ง ไม่ร้อน ไม่ตากแดด และไม่เก็บในกระเป๋ากางเกงเพราะอาจเกิดรอยพับและฉีกขาดของถุงยางอนามัยจากการนั่งทับ หรือเปลี่ยนท่าได้
วิธีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง
- ใช้มือฉีกซองถุงยางอนามัยอย่างระมัดระวัง อย่าใช้ฟันฉีกกัด เพราะเสี่ยงที่ถุงยางจะมีรอยฉีกขาด
- สวมถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ เพื่อให้กระชับ และไม่เลื่อนหลุดง่าย จับถุงยางอนามัยให้ถูกด้าน
- หากใช้สารหล่อลื่นร่วมด้วยต้องมั่นใจว่า ไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของถุงยางอนามัย
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือนานเกินไป เพราะเสี่ยงที่ถุงยางอนามัยจะฉีกขาด
- เมื่อหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ให้รีบถอนอวัยวะออกก่อนอ่อนตัว ไม่อย่างนั้นจะเสี่ยงที่ถุงยางอนามัยจะเลื่อนหลุด และตกค้างอยู่ในช่องคลอดได้
- เปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ เมื่อจะมีกิจกรรมรอบใหม่ ไม่ใช้อันเดิมต่อ และไม่นำถุงยางอนามัยกลับมาใช้ซ้ำ
ผลข้างเคียงของวิธีคุมกำเนิดแบบหลั่งนอก
- หากไม่สวมถุงยางอนามัย ระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ อาจมีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- หากสวมถุงยางอนามัย บางคนอาจมีอาการแพ้ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติ
แพ้ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติต้องทำอย่างไร?
บางคนอาจมีปัญหาการแพ้ถุงยางที่เป็นลาเท็กซ์ (Latex) หรือยางธรรมชาติ หรือบางคนก็อาจแพ้สารหล่อลื่น หรือสารฆ่าเชื้ออสุจิ โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งชายและหญิง จึงอาจมีการคัน หรือแสบร้อนที่อวัยวะเพศที่มีการสัมผัสกับถุงยางอนามัย หรือสารดังกล่าว
หากมีอาการแพ้ยางธรรมชาติ แนะนำให้เลือกใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากวัสดุโพลียูรีเทน (Polyurethane) แทน ส่วนผู้ที่แพ้สารหล่อลื่น หรือสารฆ่าเชื้ออสุจิ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวร่วมด้วย หรือเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่มีการเคลือบด้วยสารเหล่านี้
แม้การหลั่งนอกโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยจะเป็นวิธีที่สะดวก ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ก็เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์สูง และมีโอกาสที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ เพื่อการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย จึงควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ และไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
หากไม่มั่นใจว่าตนเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรไปตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะการรู้เร็ว รักษาเร็ว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น
ดูแพ็กเกจตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android