พูดถึงเครื่องดื่มที่คนไทยเรานิยมดื่มกันในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนไหนก็หนีไม่พ้นกับการดื่มชา เราเริ่มต้นจากการที่ดื่มชาร้อนมาจากตามสไตล์ของคนจีนที่มาตั้งรกรากในประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ จนกระทั่งในภายหลังก็เริ่มที่จะเข้าสู่ยุคของการที่ ชาเขียว ซึ่งเป็นชาสูตรต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาตีตลาดในเมืองไทยแล้วก็ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในลักษณะของชาร้อนและชาเย็นเลยนั่นเอง แต่ว่าการที่เราดื่มน้ำชานั้น มันจะมีผลอย่างไรบ้างต่อร่างกายของคนเรา
ประโยชน์ที่ได้จากสารอาหารของชาที่ดื่ม
น้ำชานั้นจัดว่าเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพอย่างมากเช่นกัน เพราะว่าส่วนประกอบของน้ำชานั้นจัดว่ามีประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว อย่างเช่น การที่น้ำชานั้นอัดแน่นไปด้วยวิตามินประเภท วิตามิน B C และ E เข้าขั้นเกือบครบเครื่องเลยนั่นเอง และนอกจากนี้ คนที่มีปัญหาเรื่องผิวพรรณ มีสิว ฝ้า ถ้าหากว่าได้ดื่มน้ำชาก็จะช่วยได้อย่างมากกับการบำรุงผิว เพราะในน้ำชานั้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่ อย่างเช่น คาเทชิน ที่มีส่วนสำคัญในการใช้ในการดื่มเพื่อลดความอ้วนได้ ผสมอยู่ในใบชา มันจะสามารถช่วยในเรื่องการย่อยสลายไขมัน ลดไขมันได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็น อีพิกัลโลคาเทชินกัลป์เลต ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงและปราศจากอาการป่วยอีกด้วย ยิ่งถ้าดื่มตอนเป็นชาร้อนจะยิ่งช่วยได้มากอีกด้วย
ดื่มชามากไปก็เป็นโรคนิ่วได้
เรื่องแบบนี้หลายคนที่ดื่มชาอาจจะไม่เชื่อเช่นกัน แต่มันเป็นเรื่องจริง เพราะว่าในใบชานั้น มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อ๊อกซาเลต มาก และมันสามารถที่จะเข้าไปอุดตันอยู่ภายในไตของเราได้ ซึ่งถ้าหากกินเข้าไปบ่อยๆ การจะเกิดโรคนิ่วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และนอกจากนี้แล้ว มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่การดื่มชาเขียว แต่การดื่มชานม ชาไข่มุก มันสามารถทำให้คุณเป็นนิ่วได้ หรือกระทั่งการที่คุณจะกลายเป็นโรคอ้วน เพราะปริมาณน้ำตาลภายในชาเขียวหรือชานมที่มีปริมาณมากนั่นเอง
ดื่มชาป้องกันมะเร็งได้จริงหรือไม่?
จากการค้นคว้านั้นระบุไว้ว่า ภายในใบชาเชียวนั้น มีสารชนิดหนึ่งที่เป็นทั้งสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังเป็นสารที่มีคุณสมบัติในด้านการสกัดการเกิดเชื้อมะเร็งได้อีกด้วย แต่ทว่า สิ่งที่เราต้องคิดตามคือ เราต้องกินชาให้ได้ในระดับไหน ถึงจะสามารถต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ จากการคำนวณคร่าวๆนั้น ถ้าหากเป็นชาเขียวญี่ปุ่น เราจะต้องดื่มชาเขียวประมาณวันละ 20 แก้วต่อวัน ซึ่งแน่นอนว่าการดื่มชาเขียวให้ได้ระดับนั้น เป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน เราจึงกินให้ได้ในปริมาณที่พอเหมาะก็พอแล้ว
ทำไมดื่มชาแล้วใจสั่น?
เป็นคำถามที่น่าแปลกใจมากเช่นกันสำหรับคนที่ดื่มชาเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองใจสั่น ทั้งๆที่ไม่ได้ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลัง ทำไมเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าในใบชานั้นก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่มีปริมาณของ คาเฟอีนอัดแน่นอยู่ภายในอีกด้วยนั่นเอง จากการคำนวณแล้วนั้นในใบชามีคาเฟอีนที่มีปริมาณค่อนข้างสูงกว่ากาแฟเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ดื่มชาแล้วมีอาการเครียดหรือกังวล วิตกในเรื่องอะไรบางอย่างอยู่นั้น ถ้าจะใจสั่นหนักกว่าเดิมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคุณกำลังโดนคาเฟอีนจากชาเขียวนั้นเล่นงานคุณอยู่นั่นเอง
แล้วนี่ก็คือข้อเท็จจริงว่าคุณดื่มชาเข้าไปแล้วจะเป็นอย่างไรกับร่างกายคุณ ดื่มให้พอเหมาะกับร่างกายก็เพียงพอที่สุดแล้ว