การเสียชีวิตเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนไม่สามารถฝืนหรือหลีกเลี่ยงได้ และในชีวิตของมนุษย์ทุกคนก็ไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้แม้แต่ร่างกายของตนเอง นอกจากการทำความดีสะสมไว้ให้มากที่สุดก่อนเสียชีวิต ดังนั้นการบริจาคอวัยวะและบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาสำหรับนิสิตหรือนักศึกษาแพทย์ นับว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิต ก่อนที่ร่างกายของเราจะสูญสลายไปจากโลกใบนี้
การบริจาคอวัยวะและบริจาคร่างกายติดต่อได้ที่ใดบ้าง
การบริจาคอวัยวะและบริจาคร่างกายสามารถทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยสามารถสอบถามได้ที่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- โรงพยาบาลศิริราช
- ศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย หรือติดต่อที่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในวันและเวลาราชการ
- โรงเรียนการแพทย์ เช่น ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ม.สงขลานครินทร์
การบริจาคอวัยวะต้องทำอย่างไร
- คุณสมบัติผู้ที่ต้องการบริจาคอวัยวะ (ของสภากาชาดไทย)
- ขั้นตอนการบริจาคอวัยวะ
- เอกสารที่ใช้สมัคร (เฉพาะที่สภากาชาดไทย)
- ต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี
- เสียชีวิตจากสภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่างๆ
- ไม่เป็นโรคติดเชื้อ โรคมะเร็ง และโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ และการติดสุราเรื้อรัง
- อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี
- ปราศจากเชื้อโรคที่สามารถถ่ายทอดได้ทางการปลูกถ่ายอวัยวะอย่างเช่นโรคไวรัสตับอักเสบบีและโรคเอดส์ เป็นต้น
กรอกข้อมูลแสดงความจำนงให้ครบถ้วนและส่งไปรษณีย์ไปยังศูนย์ที่รับบริจาค เมื่อศูนย์ได้รับใบแสดงความจำนงแล้วจะส่งบัตรประจำตัวสำหรับพกติดตัว พอเราได้รับบัตรแล้วให้กรอกชื่อและรายละเอียดอย่างครบถ้วนและเก็บบัตรพกติดตัวไว้ หากทำหายให้ติดต่อที่ศูนย์รับบริจาค
สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง)
การบริจาคร่างกายต้องทำอย่างไร
- คุณสมบัติผู้ที่ต้องการบริจาคร่างกาย (เฉพาะที่สภากาชาดไทย)
- ขั้นตอนการบริจาคร่างกาย
- เอกสารที่ใช้สมัคร (เฉพาะที่สภากาชาดไทย)
- การส่งมอบศพของผู้บริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลที่รับบริจาค (เฉพาะที่สภากาชาดไทย)
- ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เช่น โรคเอดส์ โรคไวรัสตับอักเสบบี โรควัณโรค โรคพิษสุนัขบ้า
- ไม่เป็นผู้พิการแขนหรือขาลีบ คด งอจนเสียรูป
- ไม่เคยผ่าตัดจนสูญเสียอวัยวะสำคัญไป
- ไม่เจ็บป่วยที่เกิดมาจากอุบัติเหตุ
- ไม่มีคดีติดตัวหรือเกี่ยวข้องกับคดี
- หากมีอายุต่ำกว่า 17 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษร จึงจะสามารถเป็นผู้บริจาคได้
ให้ติดต่อโรงพยาบาลที่ต้องการบริจาคร่างกายเพื่อขอแบบฟอร์ม เมื่อกรอกแบบฟอร์มเรียบร้อยแล้ว ให้ส่งไปตามที่อยู่ของโรงพยาบาลได้เลย เวลากรอกข้อมูลในแบบฟอร์มการบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษา จะต้องกรอกด้วยตัวบรรจง ระบุเบอร์โทรที่ติดต่อได้สะดวกให้เรียบร้อย
เมื่อทางโรงพยาบาลที่รับบริจาคได้รับเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็จะออกบัตรประจำตัวให้ผู้ที่ต้องการบริจาคร่างกายสำหรับเก็บไว้เป็นหลักฐาน พอผู้บริจาคร่างกายเสียชีวิตแล้ว ทางทายาทยังสามารถคัดค้านการมอบศพให้แก่โรงพยาบาลที่รับบริจาค และสามารถนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาได้โดยไม่มีความผิดทางกฎหมาย อีกทั้งทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถเรียกร้องใดๆ จากร่างกายผู้บริจาคได้ทั้งสิ้น
สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง)
เมื่อผู้บริจาคร่างกายเสียชีวิตแล้ว โรงพยาบาลจะจัดเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้เสียชีวิต เฉพาะผู้บริจาคร่างกายที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคือ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร และนครปฐม (บางอำเภอ) เท่านั้น
แต่ถ้าผู้บริจาคร่างกายอยู่ต่างจังหวัด ต้องให้ทางทายาทผู้บริจาคนำศพบรรจุในหีบเย็นและใช้ถุงน้ำแข็งอย่างน้อย 2 ถุง วางไว้บนหน้าท้องของศพผู้ที่บริจาคร่างกายด้วย แล้วนำมาส่งที่ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจดู หากร่างกายของผู้บริจาคไม่สามาถนำมาใช้ศึกษาตามวัตถุประสงค์ได้ ทางโรงพยาบาลก็จะให้ทางญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาตามปกติ
การบริจาคอวัยวะและบริจาคร่างกายนับว่าเป็นการทำบุญที่ให้ประโยชน์กับผู้ได้รับเป็นอย่างสูง ซึ่งเป็นการต่อชีวิตให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งให้ความรู้แก่นักศึกษาแพทย์ที่จะจบออกมาสร้างประโยชน์ให้กับบุคคลทั่วไปและประเทศชาติ จึงเป็นการทำบุญที่ได้บุญใหญ่อย่างมากมายจนประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว