การไอแบบครูปคือะไร?

ครูป: การติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็ก
เผยแพร่ครั้งแรก 16 ก.พ. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
การไอแบบครูปคือะไร?

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • อาการไอแบบครูป คือ อาการไอที่เกิดจากการอักเสบบริเวณทางเดินหายใจตอนต้น มักพบมากในผู้ป่วยเด็กอายุ 3 เดือนถึง 4 ปี
  • สาเหตุที่มักทำให้เกิดอาการครูป คือ เชื้อไวรัส โดยเฉพาะไวรัสพาราอินฟลูเอนซา และไวรัส RSV
  • คุณสามารถสังเกตอาการแสดงของอาการครูปได้ง่าย โดยฟังเสียงไอของผู้ป่วยว่ามีเสียงครูปด้วยหรือไม่ ซึ่งเสียงครูปจะมีเสียงคล้ายกับเสียงเห่า รวมกับไอมีเสียงก้อง หายใจไม่สะดวก หากอาการรุนแรงมาก ผู้ป่วยอาจหยุดหายใจ
  • การรักษาอาการครูปจะรักษาตามระยะความรุนแรง โดยอาจรักษาได้ด้วยวิธีง่ายๆ ตั้งแต่เพิ่มความอุ่น และชุ่มชื้นให้กับอากาศรอบตัวผู้ป่วย ไปจนถึงการรักษาหากอาการรุนแรงขึ้นโดยให้พ่นยา รับออกซิเจนทางสายออกซิเจนหลายลิตร
  • อาการครูปเป็นอาการร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากคุณพบว่า เด็กในบ้านหรือตนเองมีอาการไอมีเสียงผิดปกติ หรือไอมีเสียงก้อง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที (ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพทุกวัย ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ที่นี่)

กลุ่มอาการครูป (Croup) เป็นอาการอักเสบของเยื่อหุ้มบุผิวบริเวณทางเดินหายใจตอนต้นจนถึงส่วนกลาง โดยเกิดขึ้นตั้งแต่กล่องถึงลงไปถึงหลอดลม ทำให้ผู้ป่วยมีเสียงอาการไอเสียงก้อง เสียงหอบ หายใจลำบาก พบมากในผู้ป่วยเด็กอายุ 3 เดือนถึง 4 ปี

อาการครูปเป็นอาการที่รุนแรงได้ถึงขั้นเสียชีวิตหากไม่รีบรักษาทันท่วงที คุณควรลองทำความเข้าใจที่มาที่ไปของอาการนี้ รวมถึงวิธีรักษา และดูแลผู้ป่วย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

สาเหตุของกลุ่มอาการครูป

กลุ่มอาการครูปมักมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่อไปนี้

  1. เชื้อไวรัส เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการครูป คือ ไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) และไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus: RSV)
  2. เชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อโรคคอตีบ เชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนเซ (Haemophilus Influenzae) ซึ่งทำให้เกิดโรคฝากล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน
  3. มีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในลำคอจนไปอุดกั้นทางเดินหายใจ เช่น กระดุม ลูกปัด ลูกอม เศษอาหาร ของเล่นเด็ก
  4. อาการภูมิแพ้ ซึ่งสารก่อภูมิแพ้ที่ไปอุดกั้นทางเดินหายใจจนเกิดอาการครูป ได้แก่ อาหารทะเล ยา ฝุ่นละออง สิ่งสกปรกในอากาศ สารเคมี เกสรดอกไม้ 

อาการแสดงของอาการครูป

อาการครูปเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และกล่องเสียงจนเกิดการอักเสบ รวมถึงอาการบวม ทำให้มีสารคัดหลั่ง กล้ามเนื้อในลำคอหดเกร็ง จนมีอาการต่อไปนี้แสดงออกมาเป็นลำดังต่อไปนี้

ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดก่อน คือ มีไข้ เจ็บคอ ไอ น้ำมูกไหลประมาณ 1-3 วัน 

หลังจากนั้น การอักเสบจะลุกลามไปที่กล่องเสียง บริเวณสายเสี่ยงกับฝาปิดกล่องเสียง ทำให้ผู้ป่วยเสียงแหบ ไอมีเสียงก้อง เมื่อหายใจจะได้ยินเสียงครูปดังขึ้น หรือหากจินตนาการเสียงไม่ออก ให้ลองนึกถึงเสียงเห่าของสุนัข

ในผู้ป่วยบางรายอาจหายใจลำบากร่วมกับอาการด้านบน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน และหากอาการรุนแรงมากๆ ก็จะมีการอุดกั้นทางเดินหายใจด้วย รวมถึงหายใจถี่เร็ว ปีกจมูกบานออกเพื่อรับออกซิเจนมากขึ้น หน้าอกยุบบุ๋มลงเมื่อหายใจ อาจมีอาการตัวเขียว และหยุดหายใจได้ด้วย

ผู้ป่วยที่มีอาการครูปอาจอาการแย่ลงอีกหากรู้สึกกังวล หรือตื่นเต้น นอกจากนี้อาการอื่นๆ ของครูปยังรวมถึงอาการเสียงแหบ เจ็บคอเมื่อไอ เบื่ออาหาร และไข้ ซึ่งมักเป็นไข้ต่ำๆ 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

การวินิจฉัยอาการครูป

โดยปกติแพทย์จะวินิจฉัยอาการครูปโดยการสอบถาม และสังเกตอาการของผู้ป่วย แต่ในผู้ป่วยรายที่มีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในทางเดินหายใจ หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น ก็อาจต้องตรวจผ่านการถ่ายภาพรังสี (Radiographic Testing: RT) บริเวณคอ

ซึ่งการตรวจผ่านการถ่ายภาพรังสีนั้นบริเวณคอจะตรวจพบลักษณะตีบแคบของหลอดลมส่วนต้น (Steeple sign)

นอกจากนี้ การประเมินอาการครูปว่ามีความรุนแรงในระดับใดก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราจะเป็นการตัดสินว่า เด็กหายใจลำบากหรือไม่ โดยสามารถจำแนกความรุนแรงของอาการได้ดังนี้

  • ความรุนแรงน้อย (Mild croup) มีอาการไอเสียงก้องเป็นบางครั้ง หายใจหน้าอกไม่ได้ยุบลง สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ยังทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้
  • ความรุนแรงปานกลาง (Moderate croup) ผู้ป่วยไอมีเสียงก้องเกือบตลอดเวลา และมีเสียงครูปดังขึ้นด้วยขณะพักหายใจ รวมถึงหน้าอกยุบบุ๋ม แต่ยังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อยู่
  • ความรุนแรงมาก (Severe croup) ผู้ป่วยไอมีเสียงก้อง มีเสียงครูป หน้าอกยุบบุ๋มลงขณะพักหายใจ มีอาการกระสับกระส่าย ไม่ค่อยรู้สึกตัว และไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง อ่อนเพลีย 

แต่โชคดีที่เด็กส่วนมากจะมีอาการครูปในระยะรุนแรงน้อย และไม่มีอาการหายใจลำบาก หรืออาจหายใจเข้ามีเสียงดังในขณะร้องไห้ หรือตื่นเต้นตกใจเท่านั้น 

การรักษาอาการครูป

 ไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับอาการครูป แต่มีการรักษาหลายอย่างที่ช่วยบรรเทาอาการและทำให้ลูกของคุณอาการดีขึ้น โดยแบ่งไปตามระยะความรุนแรงของอาการ 

1. ผู้ป่วยที่อาการครูปรุนแรงน้อย

สามารถรักษาได้เองที่บ้าน โดยวิธีรักษาที่ใช้กันทั่วไปมีทั้งการทำอากาศให้ชื้น ซึ่งทำได้โดยให้เครื่องสร้างไอเย็นเพิ่มความชื้นในอากาศ แต่ไม่สนับสนุนให้ใช้ชนิดไอร้อน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ลูกของคุณจะเกิดแผลไหม้หากไปจับมัน 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

นอกจากนี้ คุณอาจใช้วิธีผลิตไอน้ำอุ่นโดยการเปิดน้ำร้อนทั้งหมดในห้องน้ำแทน ทั้งจากฝักบัว และอ่างล้างมือ จากนั้นปิดประตูห้องน้ำ แล้วให้ลูกของคุณหายใจเอาอากาศอุ่นชื้นในห้องเข้าไป

2. ผู้ป่วยที่อาการครูปรุนแรงปานกลาง

แพทย์มักให้รักษาโดยการพ่นยาอะดรีนาลีน (Adrenaline) 1;1,000 ขนาด 0.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม รวมถึงให้ยาเดกซาเมทาโซน (dexamethasone) ซึ่งเป็นยากลุ่มสเตียรอยด์ในขนาด 0.15, 0.3, 0.6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เพื่อลดอาการอักเสบ และช่วยให้หายใจได้ง่ายขึ้น

หรือแพทย์อาจให้ผู้ป่วยพ่นยาบูเดโซไนด์ (Budesonide) ขนาด 2 มิลลิกรัมแล้วเฝ้าดูอาการต่อประมาณ 4 ชั่วโมง 

หากผู้ป่วยอาการดีขึ้น แพทย์จะยังให้สังเกตอาการต่อในห้องตรวจ แล้วอาจให้พ่นยาอะดรีนาลีนซ้ำอีก หรืออาจให้ผู้ป่วยกลับบ้านไปรักษาต่อเองได้ ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์

3. ผู้ป่วยที่อาการครูปรุนแรง

ผู้ป่วยต้องได้รับออกซิเจนขนาด 10 ลิตรต่อนาที พ่นยาอะดรีนาลีน 1;1,000 ขนาด 0.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม รวมถึงให้ยาเดกซาเมทาโซนครั้งละ 4 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทุกๆ 2-4 ชั่วโมง แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจพิจารณาให้ใส่ท่อช่วยหายใจ 

ดูแลผู้ป่วยอาการครูป

ผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยอาการครูป สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ต่อไปนี้

  • คอยประเมินระดับความรู้สึกตัวผู้ป่วย รวมถึงลักษณะการหายใจของผู้ป่วย สัญญาณชีพจร ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในร่างกายทุก 2-4 ชั่วโมง
  • ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนเพียงพออยู่เสมอ
  • ให้ยาดลดไข้ผู้ป่วยหากอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น 
  • หมั่นประเมินภาวะขาดน้ำ เช่น สังเกตผิวผู้ป่วยว่าแห้งหรือไม่ รวมถึงความยืดหยุ่นของผิวหนัง แล้วให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำต่อร่างกายอย่างเพียงพอ
  • ดูแลให้ผู้ป่วยพ่นยา ให้ยาปฏิชีวนะหากติดเชื้อแบคทีเรีย ตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
  • ให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงทำให้ผู้ป่วยร้องไห้เพราะจะทำให้หายใจลำบากขึ้น
  • ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาการที่มักกระตุ้นทำให้เกิดอาการไอ เช่น อาการมัน อาหารทอด
  • สังเกตอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการหอบหืด อาการไอเรื้อรัง หายลำบาก น้ำมูก หรือเสมหะเปลี่ยนสี ภาวะการหายใจล้มเหลว หากมีอาการรุนแรง หรือผิดปกติไปให้รีบติดต่อแพทย์ทันที

ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการครูป

นอกจากเคล็ดลับที่ทำให้รู้ว่านี่คือโรคครูปและเคล็ดลับในการรักษาแล้ว สิ่งอื่นๆ ที่ต้องรู้เกี่ยวกับครูปอีก มีดังนี้

  • ลูกของคุณอาจเป็นครูปได้มากกว่าหนึ่งครั้ง เนื่องจากมีไวรัสหลายตัวที่ทำให้เกิดอาการครูปได้ เช่น อะดีโนไวรัส (adenovirus) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) 
  • หากลูกของคุณเป็นครูปบ่อยมาก เด็กอาจเป็นอาการครูปแบบสปาสโมดิก (spasmodic croup) เป็นอาการครูปซึ่งถูกกระตุ้นได้ด้วยไวรัส อาการแพ้ หรือกรดไหลย้อน แม้ว่าเด็กจะมีปัญหาด้านการหายใจ แต่มักจะไม่มีไข้ และอาการดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
  • เด็กที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นครูปหลายครั้งในแต่ละปี อาจจำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงเรื่องโรคหอบหืดด้วย
  • แม้เด็กจะมีอาการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนด้วย เช่น มีการติดเชื้อของหู แต่ยาปฏิชีวนะก็ไม่ได้มีผลต่อไวรัสที่เป็นต้นเหตุของครูปแต่อย่างใด
  • อาการหลักๆ ของครูปมักจะมีอาการอยู่แค่ 2-5 วัน แต่ในกรณีที่หาได้ยากกว่านั้น คือ มีอาการคงอยู่หลายสัปดาห์ เมื่ออาการไอเสียงก้อง และหายใจลำบากดีขึ้น ลูกของคุณอาจมีอาการไข้หวัดต่อไปได้อีก 7-10 วัน

ยังไม่มีวัคซีน หรือยาใดที่สามารถป้องกันไม่ให้ลูกมีอาการครูปได้ (ยกเว้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่) แต่คุณสามารถลดโอกาสที่ลูกของคุณมีอาการครูปได้โดยลดการคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ 

นอกจากนี้ คุณต้องหมั่นกำชับให้เด็กล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการแบ่งอาหาร และเครื่องดื่มร่วมกับผู้อื่น หมั่นดูแลสุขอนามัยร่างกายของตนเองให้สะอาดอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยลดโอกาสที่ลูกของคุณติดเชื้อโรคจากผู้อื่นได้

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพทุกวัย ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Marissa Selner, Croup (https://www.healthline.com/health/croup) 6 January 2016
Hannah Nichols, What is croup and how is it treated? (https://www.medicalnewstoday.com/articles/155932.php) 15 January 2018

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ลดความกังวลของเด็กในวันแข่งกีฬา
ลดความกังวลของเด็กในวันแข่งกีฬา

รู้สึกไม่มั่นใจในวันแข่งขัน? นี่เป็นวิธีที่สามารถช่วยลดความวิตกกังวลในการเล่นกีฬา

อ่านเพิ่ม