วิตามินบำรุงหรืออาหารเสริมก่อนคลอดอาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กสูง องค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขแนะนำว่า หญิงตั้งครรภ์ทุกคนโดยเฉพาะตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 และ 3 นั้น จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างน้อยวันละ 6-7 มิลลิกรัมต่อวัน รวมควรได้รับอย่างน้อยวันละ 30 มิลลิกรัม ซึ่งสูงเกินกว่าธาตุเหล็กที่อยู่ในอาหารในแต่ละวัน และวิตามินบำรุงก่อนคลอดบางชนิด จะสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้เพียง 10% เท่านั้น ดังนั้นวิตามินบำรุงก่อนคลอดจึงมีปริมาณธาตุเหล็กในปริมาณที่สูง จนบางครั้งอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ มวนท้อง ท้องอืด ดังนั้นคุณแม่จึงควรตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์เสียก่อน หรือจะให้ดีควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการกินวิตามินและปริมาณการรับธาตุเหล็กที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่แต่ละคน
คำแนะนำอื่นๆ สำหรับการกินวิตามิน มีดังนี้
- ให้กินวิตามินบำรุงก่อนคลอดพร้อมมื้ออาหาร เนื่องจากการกินวิตามินหรือยาอื่นใดในขณะท้องว่างอาจทำให้รู้สึกไม่สบายได้
- กินวิตามินในเวลาต่างกันในแต่ละวัน หากคุณเคยกินวิตามินในตอนเช้า ให้ลองสลับไปกินวิตามินก่อนนอนบ้าง
- ลองแบ่งเม็ดยาออกเป็นสองส่วน กินทีละส่วนให้ระยะเวลาห่างกันสองสามชั่วโมง
- ลองกินวิตามินบำรุงก่อนคลอดที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 6 เนื่องจากมีการวิจัยชี้ให้เห็นว่า วิตามินบี 6 สามารถช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ระหว่างตั้งครรภ์ของคุณแม่บางคนได้
หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้แล้วยังมีอาการคลื่นไส้ไม่สบายอยู่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ว่าสามารถเปลี่ยนไปกินวิตามินที่ไม่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็กในช่วงสามเดือนแรกได้หรือไม่ และรับธาตุเหล็กจากอาหารทดแทน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คุณแม่คนไหนกินวิตามินบำรุงก่อนคลอดยาก อย่างน้อยๆ ต้องหาทางรับกรดโฟลิกให้เพียงพอ โดยกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า การรับกรดโฟลิก (โฟเลตชนิดสังเคราะห์) หลายเดือนก่อนตั้งครรภ์และช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิดในทารก ซึ่งเป็นภาวะบกพร่องร้ายแรงของสมองและกระดูกสันหลัง โดยแพทย์แนะนำว่า หากกำลังวางแผนจะตั้งครรภ์ ควรได้รับกรดโฟลิก 400 ไมโครกรัม/วัน หรือหากตั้งครรภ์แล้ว ก็
ควรได้รับกรดโฟลิกต่อไปอย่างน้อย 400 ไมโครกรัม/วัน ปริมาณดังกล่าวเป็นโฟเลตที่ควรได้รับนอกเหนือจากการกินอาหาร เนื่องจากร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมโฟเลตจากอาหารได้ดีเท่ากับการกินโฟเลตชนิดสังเคราะห์นั่นเอง