คลอโรฟิลล์คืออะไร
คลอโรฟิลล์ (chlorophyll) คือ รงควัตถุสีเขียวที่พบได้ทั่วไปในพืชซึ่งคลอโรฟิลล์นี้มีหน้าที่ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงซึ่งคลอโรฟิลล์นั้นมีความคล้ายคลึงกับสารสารโพรโทฮีม (protoheme) ซึ่งมีสีแดงที่พบได้ในเลือด ในปัจจุบันคลอโรฟิลล์มักถูกใช้เป็นสารปรุงแต่งอาหารอย่างแพร่หลายโดยมีการอวดอ้างว่ามีสรรพคุณมากมาย อาทิ คลอโรฟิลล์มีฤทธิ์ในการเป็นสารต้านไม่ให้ยีนเสื่อมสลาย (antigenotoxic) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) และเป็นสารต้านมะเร็ง (anticancer) ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า คลอโรฟิลล์นั้นมีสรรพคุณดังที่อวดอ้างจริงหรือไม่
ฤทธิ์ของคลอโรฟิลล์
จากการศึกษาผลของการเป็นสารต้านมิให้ยีนเสื่อมสลาย (antigenotoxic) พบว่ามีฤทธิ์ในการป้องกันความเข้มข้นที่เป็นพิษของ 7,12-dimethylbenz[a]anthracene (DMBA) และเพิ่มความเป็นพิษต่อเซลล์ใน DMBA ซึ่งก่อให้เกิดกระบวนการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ (cell proliferation) จากการตรวจสอบร่วมผลของคลอโรฟิลล์กับสารที่มีฤทธิ์ในการเป็นสารต้านมะเร็ง เช่น oxaliplatin พบว่า คลอโรฟิลล์มีฤทธิ์ในการต้านการเกิดเซลส์มะเร็งด้วยฤทธิ์การเป็นสารต้านไม่ให้ยีนเสื่อมสลายได้
จากการศึกษาในหลอดทดลงเพื่อศึกษาฤทธิ์ในการลดการแบ่งตัวของเซลล์ของคลอโรฟิลล์ในรูปแบบของเซลล์ที่แตกต่างกันออกไป พบว่าคลอโรฟิลล์มีฤทธิ์ในการทำให้เกิดการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์ก่อมะเร็งเต้านม และก่อให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็งเต้านม
การศึกษาผลของการดื่มคลอโรฟิลล์
มีการทดลองเพื่อศึกษาผลของการดื่มคลอโรฟิลล์ โดยใช้คลอโรฟิลล์ที่อยู่ในต้นอ่อนข้าวสาลี จากการศึกษาผลของการดื่มน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี (wheat grass juice) ซึ่งประกอบด้วยคลอโรฟิลล์เข้มข้น กรดอะมิโน แร่ธาตุ วิตามินและเอนไซม์ พบว่าน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีมีสรรพคุณในการต้านการเจริญเติบโตของมะเร็ง ต้านการเกิดแผลในกระเพาะ ต้านการอักเสบ ต้านสารอนุมูลอิสระ ต้านการเกิดข้ออักเสบและกระบวนการสร้างเม็ดเลือดในผู้ป่วยทาลัสซีเมีย และยังมีสรรพคุณที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่คือ สรรพคุณในการช่วยในเรื่องการไหลเวียนเลือด การย่อยและการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นผลมาจากสารประกอบออกฤทธิ์ทางชีวภาพและแร่ธาตุต่างๆในร่างกาย
จากสรรพคุณในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเป็นผลมาจากการมีไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoid) เช่น อะพิเจนิน (apigenin) เควอร์ซิทิน (quercitin) และลูทิโอลีน (luteoline) มากไปกว่านั้นยังมีคลอโรฟิลล์อยู่ถึง 70% ซึ่งคลอโรฟิลล์นี้มีลักษณะทางเคมีเหมือนกับฮีโมโกลบินในเลือดเกือบทั้งหมด มีจุดแตกต่างเพียงสองจุดเท่านั้น คือ องค์ประกอบส่วนกลางของคลอโรฟิลล์นั้นเป็นแมกนีเซียมในขณะที่ฮีโมโกลบินเป็นเหล็ก ดังนั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีจึงมีประโยชน์มากมายทางคลินิก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะขาดฮีโมโกลบินและโรคเรื้อรังอื่นๆ ทำให้คลอโรฟิลล์ได้รับการขนานนามว่า เลือดสีเขียว (green blood)
นอกจากสรรพคุณโดยทั่วไปของการดื่มคลอโรฟิลล์ในน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีแล้ว จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ได้ว่า คลอโรฟิลล์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายได้ ดังนั้นการบำบัดด้วยพืชที่มีองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์จึงได้ผลดีต่อโรคผิวหนังและแผลในกระเพาอาหารโดยอาศัยฤทธิ์ในการยับยั้งแบคทีเรีย การดื่มคลอโรฟิลล์โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีจะก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของแบคทีเรียได้อีกด้วย
ร่ายกายมนุษย์ต้องการคลอโรฟิลล์หรือไม่
แม้ในการศึกษาจะพบว่าคลอโรฟิลล์ในพืชจะให้ฤทธิ์ในการต้านมะเร็งเมื่อทำการทดลองในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อมะเร็งในปริมาณที่มักจะพบได้ในสภาพแวดล้อมทั่วไป แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ตั้งคำถามต่อไปว่า หากคลอโรฟิลล์ถูกใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อมะเร็งในระดับสูงจะก่อให้เกิดผลอย่างไร ซึ่งผลการทดลองพบว่าในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อมะเร็งในระดับสูง คลอโรฟิลล์กลับทำให้สถานการณ์ของมะเร็งย่ำแย่ลง อย่างไรก็ตามก็ได้มีนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาโต้แย้งว่าการทดลองในระดับที่มีสารก่อมะเร็งในระดับสูงนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับสภาพในร่างกายมนุษย์ได้ ทำให้ปัจจุบันประเด็นเกี่ยวกับการบริโภคคลอโรฟิลล์ยังคงเป็นที่ถกเถียงและไม่ชัดเจนนัก ดังนั้นการเลือกบริโภคคลอโรฟิลล์จึงเป็นเพียงทางเลือกในการดูแลสุขภาพหนึ่งเท่านั้นซึ่งผู้บริโภคจะต้องติดตามผลและศึกษาผลการวิจัยใหม่ ๆ ต่อไป