ไขมันสีน้ำตาล

เผยแพร่ครั้งแรก 14 ก.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ไขมันสีน้ำตาล

ไขมันสีน้ำตาลนั้นไม่เหมือนกับไขมันที่มีอยู่ทั่วไปตามร่างกายซึ่งใช้เก็บพลังงานส่วนเกินที่เรารับประทานเข้าไป แต่มันทำหน้าที่เผาผลาญพลังงานเพื่อสร้างความร้อน (ในภาวะที่เหมาะสม) และเมื่อมีการกระตุ้นอย่างเต็มที่ ไขมันสีน้ำตาลนั้นจะมีการสร้างความร้อนได้มากกว่าเนื้อเยื่ออื่นๆ ในร่างกายถึง 300 เท่า ไขมันสีน้ำตาลเพียง 2 ออนซ์นั้นสามารถเผาผลาญพลังงานได้หลายร้อยแคลอรีต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการออกกำลังกาย30 นาที ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่นั้นจะมีไขมันสีน้ำตาลนี้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย

ส่วนมากมักจะอยู่ที่บริเวณด้านข้างของลำคอ และบางครั้งอาจยาวไปถึงไหล่และแขนส่วนบนและบริเวณเหนือต่อกระดูกไหปลาร้า อีกตำแหน่งหนึ่งที่พบได้บ่อยคือบริเวณหลังส่วนบนระหว่างกระดูกสะบักทั้ง 2 ข้างและตามแนวไขสันหลังส่วนบน ปริมาณของไขมันสีน้ำตาลทั้งหมดในแต่ละคนนั้นจะรวมกันได้สูงสุดไม่เกิน 2 ออนซ์ และเนื่องจากมันมีขนาดเล็กและอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้มันไม่ได้โป่งออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

อากาศเย็นจะกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาล

งานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่สัมผัสกับความเย็นและอยู่นที่ที่อากาศเย็นนั้นจะตรวจจับไขมันสีน้ำตาลได้ และในผู้ที่อยู่ในที่เย็นมากกว่าเช่นแช่เท้าลงในน้ำเย็นนั้นจะมีการทำงานของไขมันสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นถึง 15 เท่า

ไขมันสีน้ำตาลช่วยในเรื่องของกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด

ไขมันสีน้ำตาลอาจจะมีลักษณะเฉพาะในการต่อสู้กับโรคเบาหวาน ผู้ที่มีระดับน้ำตาลกลูโคสต่ำนั้นมักจะมีไขมันสีน้ำตาลสูงกว่าผู้ที่มีระดับน้ำตาลสูง ซึ่งแสดงว่ามันอาจจะมีบทบาทในการควบคุมน้ำตาลกลูโคส งานวิจัยหนึ่งได้พบว่าโปรตีนในไขมันสีน้ำตาลนั้นจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันทั่วไป และเมื่อทำการทดลองในหนูซึ่งไม่ได้มีโปรตีนชนิดนี้ พบว่าหนูมีการใช้พลังงานที่ลดลง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและเป็นโรคเบาหวาน

งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งได้การการปลูกถ่ายไขมันสีน้ำตาลปริมาณเล็กๆ ลงในหนู พบว่าหนูที่ได้รับการปลูกถ่ายนั้นไม่ได้เพียงแค่ผอมกว่ากลุ่มควบคุมแต่ยังมีการจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือดที่ดีกว่าและลดการดื้ออินซูลินลงอีกด้วย

ไขมันสีน้ำตาลนั้นจะทำให้จุดเริ่มการเผาผลาญนั้นสูงขึ้น

จุดนี้คือระดับของน้ำหนักตัวที่สมองจะเริ่มสั่งกว่าให้กระบวนการต่างๆ ทำงานช้าลงและทำให้ลดน้ำหนักได้ช้าลง การที่ปรับจุดนี้นั้นแสดงว่าไขมันสีน้ำตาลนั้นอาจจะช่วยในการชะลอการหยุดเผาผลาญพลังงานของร่างกายในกลุ่มผู้ที่ลดน้ำหนักได้ หากคุณสามารถเผาผลาญพลังงานเพิ่มเติม 200-300 แคลอรีต่อวันโดยการใช้ไขมันสีน้ำตาลนั้น พวกเขาก็จะสามารถลดไขมันได้ 1 ปอนด์ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ในปัจจุบันยิ่งมีอายุมากขึ้นก็จะยิ่งลดน้ำหนักได้ยากมากขึ้น ดังนั้นการค้นพบครั้งนี้จึงอาจจะช่วยลดน้ำหนักและช่วยให้ผู้สูงอายุนั้นยังคงน้ำหนักให้เท่าเดิมได้

ในการกระตุ้นการทำงานของไขมัน ให้ผิวหนังสัมผัสกับความเย็น

อุณหภูมิที่เย็นนั้นจะส่งสัญญาณไปที่สมองซึ่งจะกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาลได้ 2 วิธีคือโดยการสั่งระบบไหลเวียนเลือดโดยตรงให้เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังไขมันสีน้ำตาล และโดยการส่งกระแสประสาทไปยังไขมันสีน้ำตาลและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ นักวิจัยพบว่าการนั่งในห้องที่มีอุณหภูมิ 59 องศาฟาเรนไฮต์เป็ฯเวลา 2 ชั่วโมงในขณะที่ใส่เสื้อผ้าฤดูร้อนนั้นจะกระตุ้นไขมันสีน้ำตาลในเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นได้ 100-250 แคลอรี แล้วแต่บุคคล งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่าผู้เข้าร่วมงานวิจัยเริ่มมีสัญญาณที่แสดงว่ามีการกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาลตั้งแต่ที่อุณหภูมิ 66 องศาฟาเรนไฮต์ ดังนั้นการปรับระดับอุณหภูมิในบ้านให้อยู่ในช่วง 65 องศาฟาเรนไฮต์หรือต่ำกว่านั้นอาจจะเพียงพอต่อการกระตุ้นไขมันสีน้ำตาลบางส่วนให้ทำงานได้

ออกกำลังกายในอากาศหนาว

คุณสามารถเพิ่มการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นระหว่างการออกกำลังกายโดยการกระตุ้นไขมันสีน้ำตาล โดยให้ออกกำลังกายในอุณหภูมิระหว่าง 62-64 องศาฟาเรนไฮต์หรือต่ำกว่า หากต้องการให้ได้ผลดีขึ้น อย่าลืมให้ผิวหนังของคุณนั้นสัมผัสกับความเย็นเนื่องจากการระเหยของเหงื่อระหว่างที่คุณออกกำลังกายนั้นจะเพิ่มความเย็นที่ได้รับ แต่คุณไม่ควรปรับเพิ่มอุณหภูมิในห้อง เพราะอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นนั้นจะปิดการทำงานของไขมันสีน้ำตาล

รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำและคาร์โบไฮเดรตสูง

ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับอาหารหรือสารอาหารใดที่สามารถกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาลได้นั้น แต่รังสีแพทย์ซึ่งมักจะต้องการลดการทำงานของไขมันสีน้ำตาลในผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับการตรวจเพื่อให้เห็นการทำงานของเนื้องอกชัดขึ้น นั้นมักจะแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและคาร์โบไฮเดรตต่ำก่อนเข้ารับการตรวจ เพื่อลดการกระตุ้นไขมันสีน้ำตาล ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำและคาร์โบไฮเดรตสูงจึงอาจจะช่วยกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาลได้

รับประทานแอปเปิ้ลพร้อมเปลือกเพิ่มขึ้น

กรด ursolic ซึ่งเป็นสารที่พบในปริมาณสูงที่เปลือกแอป้ปิ้ลนั้นจะเพิ่มไขมันสีน้ำตาลและมวลกล้ามเนื้อในขณะที่ลดความอ้วนและช่วยเพิ่มระดับการดื้อของน้ำตาล กรด ursolic ยังสามารถพบได้ในแครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ พลัม และพรุน เช่นเดียวกับสมุนไพรต่างๆ เช่น oregano, ไธม์ ลาเวนเดอร์ basil, bilberry, devil’s claw, ใบเปปเปอร์มิ้นท์, periwinkle และ hawthorn งานวิจัยในสัตว์พบว่าสมุนไพร bitter melon นั้นอาจจะเพิ่มการทำงานของไขมันสีน้ำตาลได้


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
6 วิธีเดินเผาผลาญพลังงาน
6 วิธีเดินเผาผลาญพลังงาน

ใช้เทคนิคต่อไปนี้มาช่วยเผาผลาญพลังงานระหว่างการเดินกันเถอะ

อ่านเพิ่ม
ชีพจรขณะพักคืออะไร
ชีพจรขณะพักคืออะไร

ทำความรู้จักค่าชีพจรที่เหมาะสมในแต่ละวัย และวิธีการวัดชีพจรแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง

อ่านเพิ่ม
ค่าเป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจ
ค่าเป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจ

อัตราการเต้นของหัวใจคืออะไร สำคัญอย่างไร ค่าอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมในช่วงปกติและขณะออกกำลังกายของแต่ละช่วงวัยคือเท่าไร

อ่านเพิ่ม