มีอาการหน้ามืด เจ็บแน่นหน้าอก รู้แปลบๆตรงอกด้านซ้าย หายใจไม่สะดวก รู้สึกจี๊ดๆเหมือนโดนเข็มทิ่มที่หัวใจ หัวใจเต้นแรงปิดปกติ บางครั้งไม่มีแรงที่จะลุกขึ้น เคยไปพบแพทย์แล้ว แพทย์บอกว่าพักผ่อนน้อย ทั้งๆที่ความดันปกติ ไม่มีอาการวิงเวียน อยากทราบว่าเป็นอะไรรบกวนด้วยนะคะ เพราะไปพบแพทย์หลายครั้งแต่ แพทย์บอกไม่ตรงกันสักครั้งค่ะ

บริเวณหน้าอกข้างซ้ายเป็นตำแหน่งของหัวใจ ,กล้ามเนื้อหัวใจ, กระดูกซี่โครงอ่อน และเส้นประสาท ซึ่งหากเราออกกำลังกายอย่างหักโหมจนเกินไป หรือทรงตัวผิดท่า ลักษณะนี้อาจเกิดอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ขึ้นมาได้เหมือนกัน หรือบางคนที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกไปด้วย ก็อาจมีเหตุมาจากกระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบหรืออาการเส้นประสาทอักเสบ
เพื่อความสบายใจจะแยกอาการของโรคหัวใจและอาการที่ไม่ใช่โรคหัวใจให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนะคะ
1.อาการที่บ่งถึงโรคหัวใจ ได้แก่ เจ็บหน้าอกด้านซ้ายโดยเจ็บร้าวไปถึงคอ แขนซ้ายช่วงรักแร้ หลัง หรือท้องส่วนบน ,เจ็บแน่นหน้าอก โดยอาจเจ็บแน่นที่กลางหน้าอก บริเวณอกด้านซ้าย หรือเจ็บทั้งสองด้าน เจ็บชนิดที่แน่นแบบอึดอัดอยู่ข้างในอก ,ถ้าลองเอามือกดหน้าอกจะไม่รู้สึกเจ็บมากขึ้น หรือเคลื่อนไหวร่างกายแรง ๆ อย่างการไอหรือจามก็ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ มากไปกว่าเดิม ,อาการเจ็บหน้าอกจะสัมพันธ์กับการออกกำลังหรือความรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆหากได้พักผ่อนอาการเจ็บก็จะบรรเทาลง ,มีอาการเจ็บหน้าอกเป็นระยะ ๆ ส่วนมากมักจะปวดหัวใจจี๊ด ๆ ประมาณ 10-20 นาที แต่ไม่รู้สึกเจ็บหน้าอกตลอดเวลา ,บางครั้งมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมกับอาการหน้ามืด เหงื่อแตก และเป็นลม
2.อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่อันตรายและไม่เกี่ยวข้องกับอาการโรคหัวใจ ได้แก่ เมื่อกดหน้าอกแล้วจะรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ แปล๊บ ๆ ,เจ็บหน้าอกตื้น ๆ หรือกดเจ็บบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ,มีอาการเจ็บหน้าอกเมื่อเคลื่อนไหวร่างกายแรง ๆ เช่น หายใจแรง ไอ จาม เอี้ยวตัวอย่างแรง และอาการเจ็บหน้าอกจะรุนแรงมากขึ้น ,อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่สัมพันธ์กับการออกกำลังหรือใช้แรง เช่น ระหว่างเดินขึ้นบันไดก็เจ็บหัวใจเท่าเดิม แม้จะนั่งพักก็เจ็บหัวใจอยู่เช่นเดิม หรือพูดง่าย ๆ ว่ามีอาการเจ็บหน้าอกอยู่ตลอดเวลา โดยอาจเจ็บหัวใจหนักบ้างเบาบ้าง แต่ไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ,เจ็บหัวใจจี๊ด ๆ เหมือนโดนเข็มแหลมทิ่มแทง โดยเจ็บจุดเดียว ,อาการเจ็บหน้าอกร้าวขึ้นศีรษะ ปลายมือ และปลายเท้า

ถึงแม้อาการของคุณจะไม่ได้บ่งถึงโรคหัวใจ หากมีอาการนานเกิน2 สัปดาห์ ก็ควรไปพบแพทย์ รับการตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

ต้องไปตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจค่ะ เพื่อแยก ว่าไม่ใช่โรคหัวใจ เพราะอาการที่คุณบอกว่าก็เข้าขั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ค่ะ