สวัสดีค่ะ พอดีอยากสอบถามเรื่องจดหมายมาจากร.พ คือวันนั้นไปบริจาคเลือด และ ต่อมา มีจดหมายจากโรงบาลให้ไปตรวจเลือดอีก และจดหมายพึ่งมาถึงวันนี้ค่ะ อยากรู้ว่า - หนูเป็นโรคนี้แล้วหรอค่ะ - และต้องทำยังไงต่อ - มันอันตรายและมีสิทธิมีโรคอะไรมาเพิ่มมั้ยค่ะ

สวัสดีครับ
อาจจะยังไม่ได้เป็นโรคครับ แต่เนื่องจากการบริจาคเลือด หลังได้รับเลือดแล้ววจะมีการ สกรีน เลือด ให้ปลอดภัยจากเชื้อต่างๆ ซึ่ง หากพบว่ามีความน่าสงสัย จะมีจดหมายแจ้งผู้ป่วย เพื่อกลับมาตรวจซ้ำ และอาจทำเทส ส่งตรวจเลือดที่ชัดเจนมากขึ้นครับ หากเป็นโรคจริงๆ ตะได้รักษาอย่างทันท่วงทีครับ

ในภาพ ยังไม่ ร้อย เปอร์เซนต์ว่าจะเป็นนะครับ
ควรไปตรวจและพาคู่นอนไปด้วยครับ เนื่องจาก โรคนี้ หากเป็นจะรักษาง่าย อาจฉีดยาเพียง 1-3 ครั้งก็หายครับ เทียบกับหากไม่ไปตรวจเลย อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่อาจยำไปสู่การเสียชีวิตได้ครับ
นอกจากนี้ หากไม่ไปตรวจให้ชัดเจน อาจแพร่เชื้อสู้คนอื่นๆด้วยครับ
แนะนำให้ไปตรวจครับ ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาฟรีครับ

หากคลินิก สามารถตรวจเลือดเกี่ยวกับโรคนี้ได้ ก็สามารถไปได้ครับ

คลินิก ไม่สามารถเจาะเลือดได้ครับ

ควรหาเวลาไปโรงพยาบาลครับ

สวัสดีค่ะ
จากผลเลือดเป็นการตรวจเบื้องต้นเท่านั้นค่ะ ไม่ได้ยืนยันว่าต้องเป็นโรคนี้ค่ะ ดังนั้นแนะนำให้ไปตรวจว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ที่โรงพยาบาลค่ะ
...........................................
ทำความรู้จักโรคซิฟิลิส(Syphilis)กันค่ะ โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum มักติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากแผลที่มีเชื้อ หรือจากแม่สู่ลูกได้ สำหรับอาการของโรคซิฟิลิสจะแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ
-ระยะที่ 1 (Primary syphilis) เป็นระยะที่มีแผลริมแข็ง (Chancre) มักเป็น 1-2แผล แผลขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ มักพบที่อวัยวะเพศและริมฝีปาก แผลจะหายไปได้เองถ้าไม่ได้รับการรักษา แต่ยังมีเชื้ออยู่ในร่างกาย
-ระยะที่ 2 (Secondary syphilis) เป็นระยะออกดอก จะเป็นผื่นสีแดงน้ำตาลขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าและขึ้นทั่วตัวได้ ผื่นจะไม่คันไม่เจ็บ บางรายอาจมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อย ผมร่วงเป็นหย่อมๆ เป็นหูด Condyloma lata มีปื้นแผ่นสีขาวในปาก ต่อมน้ำเหลืองโต
-ระยะแฝง (Latent syphilis) เป็นระยะที่มักไม่มีอาการ แต่มีเชื้อในร่างกาย เป็นระยะที่จะพัฒนาไปยังระยะสุดท้าย
-ระยะที่ 3 (Tertiary syphilis) เป็นระยะสุดท้ายเกิดจากการที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกต้อง เชื้อจะเข้าไปทำลายอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ หลอดเลือด สมอง เส้นประสาท กระดูก หรืออวัยวะต่างๆ และจะเสียชีวิตในที่สุด
สำหรับการวินิจฉัยจะอาศัยการตรวจเลือดหรือเก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ ได้แก่ จากแผล ผื่น น้ำเหลือง เป็นต้น ส่วนการรักษาจะใช้ยากลุ่ม Penicillin G ซึ่งแพทย์จะฉีดให้ผู้ป่วยโดยดูจากระยะของโรคที่เป็น นอกจากนี้แล้วในคนไข้ซิฟิลิสจำเป็นต้องได้รับการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆด้วย โดยเฉพาะเชื้อHIV เพราะคนไข้ซิฟิลิสจะมีโอกาสติดเชื้อง่ายโดยผ่านทางแผลในระยะออกดอกและจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน

ดังนั้นไม่ควรปล่อยไว้นะคะ เพราะถ้าตรวจเลือดแล้วสงสัยหมอแนะนำให้ไปตรวจยืนยันที่โรงพยาบาลค่ะ ถ้าเป็นโรคนี้จริงจะได้ทำการรักษาค่ะ และโดยควรพาคู่นอนมาตรวจด้วยค่ะ