ตอนนี้ทานยาคุมberizหมดเเผงที่4ค่ะ มีส่วนประกอบคือ cyproterone acetate 2 mg. กับ ethinyl estradiol 0.035 mg หน้ากล่องเขียนว่าสำหรับรักษาสิว เเล้วมันสมารถคุมกำเนิดได้ไหมคะ พอดีมีพสพ.ไม่ได้ป้องกัน

หากรับประทานบีริซทุกวันครบ 21 เม็ด และเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ ไม่เว้นว่างนานเกิน 7 วัน มีการรับประทานยาคุมตรงเวลาสม่ำเสมอ ไม่มีลืมใช้ ไม่มีปัญหาอาเจียน / ท้องเสีย / ใช้ยาอื่นที่ลดประสิทธิภาพยาคุมร่วมด้วย บีริซก็จะเหมือนยาเม็ดคุมกำเนิดยี่ห้ออื่น ๆ ที่ก็มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมาก มีโอกาสตั้งครรภ์น้อย ไม่ถึง 1% สามารถมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้ตลอดทั้งช่วงที่รับประทานยาและช่วงที่เว้นว่าง 7 วันค่ะ

หากใช้ยาคุมแผงแรก แนะนำให้เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานนะคะ

ส่วนวิธีการใช้ ยาทุกเม็ดในแผงของยาคุม "บีริซ" มีตัวยาเหมือนกันหมดค่ะ จะรับประทานเม็ดใดก่อนหรือหลัง ประสิทธิภาพและผลข้างเคียงก็ไม่แตกต่างกันนะคะ แต่แนะนำให้ใช้ตรงตามวันที่ระบุไว้ในแผง เพื่อให้ง่ายต่อการใช้และตรวจสอบ ป้องกันการรับประทานซ้ำซ้อนเกินขนาด และแก้ไขได้ง่ายเมื่อลืมรับประทานยา

ดังนั้น ให้แกะเม็ดยาที่ตรงกับวันที่รับประทานจริงมาใช้ และใช้เรียงลำดับต่อไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จะวนมาครบทั้ง 21 เม็ดนั่นเอง

หมดแผงแล้วก็เว้นว่าง 7 วันให้เป็นช่วงปลอดฮอร์โมน ประจำเดือนควรจะมาในช่วงนี้ โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย เมื่อประจำเดือนมาแล้วก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์ เว้นว่างครบ 7 วันแล้วก็ต่อยาคุมแผงใหม่ได้เลย เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องกันค่ะ

การใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดอย่างบีริซ เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ หากไม่ตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่างดังกล่าว โดยประจำเดือนมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

เมื่อผู้ถามใช้ยาคุมหมดแผงและมีประจำเดือนมาแล้วก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์แล้วนะคะ หากไม่ต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีเดิมต่อ ก็ไม่จำเป็นจะต้องต่อยาคุมแผงใหม่แล้วค่ะ

ยาคุมแบบ 21 เม็ด เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ หากไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนจะมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

ถ้าผู้ถามใช้ยาคุมถูกต้อง และไม่ได้ลืมรับประทานติดต่อกันตั้งแต่ 2 - 3 วันขึ้นไป โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของแผง ก็มีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติในช่วงที่เว้นว่าง 7 วันค่ะ

โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันของยาคุมรายเดือน

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีประจำเดือนมาแล้วในช่วงที่เว้นว่าง แม้จะถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ แต่ควรงดมีเพศสัมพันธ์และรอให้ประจำเดือนหายดีก่อน เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานนะคะ

1. ถ้าระหว่างเว้น 7 วันหลังกินแผงแรก แล้วแผงครั้งต่อไปต้องเว้นเหมือนกันมั้ยคะ

การใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ด เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่เพื่อให้มีประจำเดือนมานะคะ ดังนั้น ถ้าผู้ถามยังใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดเหมือนเดิม เมื่อใช้หมดแผงแล้วก็ต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงถัดไปค่ะ

2. ในระหว่างเว้น 7 วัน ประจำเดือนมาแค่ 3 - 4 วัน ต้องกินแผงต่อไป หรือรอให้ครบ 7 วันถึงจะกินได้คะ

หากไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนควรจะมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ซึ่งประจำเดือนปกติจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ ในแต่ละรอบปริมาณหรือจำนวนวันของประจำเดือนอาจแตกต่างกันได้

ถ้าประจำเดือนมาแล้ว ก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ จึงสามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดได้นั่นเองนะคะ

เช่น ถ้าผู้ถามรับประทานเม็ดที่ 21 ของแผงเดิมในวันอาทิตย์ ก็จะต้องเว้นว่าง 7 วันในวันจันทร์ - อังคาร - พุธ - พฤหัส - ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ ซึ่งประจำเดือนควรจะมาในช่วงที่เว้นว่าง และเมื่อประจำเดือนมาแล้วก็ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ในวันจันทร์ได้เลยค่ะ

ยาคุม "บีริซ" ไม่มีผลต้านการบวมน้ำค่ะ จึงอาจพบผลข้างเคียงนี้ได้เช่นเดียวกับยาคุมที่ไม่มีผลต้านการบวมน้ำยี่ห้ออื่น ๆ

และยาคุมทุกยี่ห้อ หรือทุกรูปแบบ อาจเปลี่ยนแปลงความอยากอาหารของผู้ใช้ได้ โดยอาจพบได้ทั้งเจริญอาหารมากขึ้น หรือเบื่ออาหาร ขึ้นกับการตอบสนองของผู้ใช้แต่ละราย ดังนั้น หากผู้ใช้ไม่ควบคุมการรับประทานอาหารให้เหมาะสม น้ำหนักก็อาจเปลี่ยนแปลงได้นะคะ

ไม่ว่าจะใช้ต่อเนื่อง หรือใช้และหยุดใช้สลับกันไป ก็อาจพบผลข้างเคียงจากยาได้เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะ หากมีการใช้อย่างไม่เหมาะสม เช่น ใช้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ก็อาจเกิดอันตรายที่รุนแรงถึงชีวิตได้

ดังนั้น หากผู้ถามมีโรคประจำตัวใด ๆ อยู่ หรือไม่มั่นใจว่ามีข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดหรือไม่ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง, ปลอดภัย และเหมาะสมกับผู้ถามนะคะ

เมื่อลืมรับประทานยาคุม "บีริซ" ให้รับประทานทันทีที่ทำได้ 1 เม็ด แล้วรับประทานเม็ดต่อไปตามเวลาปกตินะคะ

หรือถ้าแยกเวลาไม่ทัน เช่น นึกได้เมื่อถึงเวลารับประทานยาคุมของวันถัดมาแล้ว ก็ให้รับประทานเม็ดที่ลืมและเม็ดที่ต้องใช้ในวันนั้นพร้อมกัน 2 เม็ด ในเวลารับประทานปกติได้เลยค่ะ

เม็ดยาทั้ง 21 เม็ดของ "บีริซ" มีตัวยาเหมือนกันหมดค่ะ การแกะมาใช้ไม่ตรงกับตัวย่อที่ระบุไว้ในฉลาก ไม่ได้ลดประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์

หากผู้ถามเริ่มรับประทานอย่างถูกต้อง (เช่น เริ่มใช้แผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน หรือต่อยาคุมถูกต้องตามกำหนด) และรับประทานต่อเนื่องตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากจนไม่น่าจะกังวล

แต่ถ้าผู้ถามเริ่มใช้ยาคุมไม่ถูกต้อง หรือลืมรับประทานยาคุมบ่อย ๆ หรือลืมติดต่อกันหลายวัน ก็เสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็นนะคะ เพราะอาจไม่มีผลคุมกำเนิดจากยา หรือประสิทธิภาพในการป้องกันอาจลดลง

เมื่อใช้ "บีริซ" หมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนควรจะมาในช่วงที่เว้นว่างดังกล่าว โดยมักจะมาประมาณวันที่ 3 หรือ 4 ของการเว้นว่าง แต่ก็อาจคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อยค่ะ

แต่ถ้าใช้หมดแผงและเว้นว่างครบ 7 วันแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ด้วยนะคะ

1. เริ่มใช้ยาคุมบีริซแผงนี้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่คะ
2. ประจำเดือนรอบล่าสุดมาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ
3. นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนในรอบล่าสุด มาจนถึงปัจจุบัน มีเพศสัมพันธ์ในวันที่เท่าไหร่บ้าง และป้องกันอย่างไร

1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไรคะ
2. รับประทานเม็ดสุดท้ายของแผงเดิมในวันที่เท่าไหร่คะ
3. ประจำเดือนรอบล่าสุดมาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ
4. นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนในรอบล่าสุด มาจนถึงปัจจุบัน มีเพศสัมพันธ์ในวันที่เท่าไหร่บ้าง และป้องกันอย่างไร

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ

ถ้าวันที่ผู้ถามรับประทานเม็ดสุดท้ายของยาคุม "บีริซ" แผงเดิมคือวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2563 ก็จะครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 นะคะ

การเริ่มแผงใหม่ในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2563 ตามเวลารับประทานปกติ ถือว่าต่อยาคุมแผงใหม่ช้าไป 2 วัน ซึ่งหากอ้างอิงตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO 2016) จะถือว่ายังมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องและมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ

ดังนั้น แม้ผู้ถามจะเริ่มใช้ยาคุมบีริซแผงใหม่ช้าไป 2 วัน (และน่าจะแก้ไขการต่อยาคุมช้าอย่างไม่เหมาะสม) ก็ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนอยู่ โอกาสตั้งครรภ์ยังคงเป็น 0.3 - 9% ตามผลป้องกันปกติของยาคุมรายเดือนนั่นเองนะคะ

อย่างไรก็ตาม หากรับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ (ซึ่งรวมถึงการต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนด) จะทำให้ความเสี่ยงค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ในกรณีของผู้ถาม จึงอาจมีความเสี่ยงที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ต่อยาคุมตรงเวลาค่ะ

ดังนั้น ต่อไปควรจะรับประทานยาคุมให้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ

ถ้าเริ่มใช้ยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน

แต่ถ้าใช้ยาคุมแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานยาคุมบีริซติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ ในช่วงที่ยังไม่มีผลป้องกันจากยา ก็จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไปก่อนค่ะ

เมื่อรับประทานบีริซติดต่อกันครบ 7 วันแล้ว (จะครบ 7 วันเมื่อถึงเวลารับประทานยาคุมเม็ดที่ 8 นะคะ) ก็ถือว่ามีผลป้องกันจากยาคุมที่ใช้ จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลป้องกันจากยาคุมบีริซ ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ

ไม่ว่าจะมีผลคุมกำเนิดทันทีถ้าใช้ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน หรือต้องรอให้ใช้บีริซติดต่อกันครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ถ้าใช้ไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน แต่เมื่อมีผลคุมกำเนิดจากยาแล้วก็ไม่แตกต่างกันค่ะ นั่นคือ ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับความสม่ำเสมอในการรับประทานยานะคะ