November 24, 2019 16:52
ตอบโดย
นันทิดา
สาลักษณ (แพทย์ผิวหนัง)
(พญ.)
Dermatologist
อาการแสบร้อนรอบริมฝีปากรวมทั้งมีตุ่มน้ำอาจมีสาเหตุได้จาก
-ผื่นแพ้สัมผัสบริเวณริมฝีปาก เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้มีความบอบบางมาก อาจต้องสำรวจดูว่าอะไรที่สัมผัสแล้วทำให้ผื่นกำเริบหรือไม่ จะมีอาการแบบที่บอกมาได้ โดยมักต้องบำรุงและทายาสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการอักเสบแบบที่คนไข้ได้มา บางครั้งอาจต้องทำการทดสอบการแพ้ว่าแพ้สารอะไรในกรณีจำเป็น ในรพ.ใหญ่ๆที่มีการทดสอบประเภทผื่นแพ้สัมผัสค่ะ
-ผื่นจากไวรัสเริม พวกนี้ตุ่มน้ำใสมักขึ้นเป็นกลุ่ม และมีพื้นแดง (ควรวินิจฉัยดูอาการโดยแพทย์จะบอกได้ชัดเจนกว่าหรือบางครั้งอาจส่งขูดตรวจเชื้อเริม กรณีที่สงสัย) โดยตุ่มน้ำของเริมมักเป็นที่ตามเส้นขอบปาก และมีเหตุกระตุ้นได้จากการพักผ่อนน้อย ความเครียด หรือการเจ็บป่วยไม่สบาย โดยมักเป็นๆหายๆได้ การรักษาอาจรับประทานยาต้านไวรัสเริม ทายา หรือหายเองได้ แต่หากเป็นบ่อยครั้งเช่น 10 ครั้งต่อปีขึ้นไป มักต้องได้รับยารับประทานต่อเนื่อง
ทั้งสองภาวะ ไม่ได้อันตรายแต่เรื้อรังได้ อย่างไรก็ตามควรตรวจวินิจฉัยแต่ละครั้งโดยแพทย์ผิวหนัง และเพื่อการรับการรักษาอย่างเหมาะสม และติดตามอาการค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีค่ะ อยากปรึกษาเกี่ยวกับอาการแสบร้อนบริเวณรอบริมฝีปาก ตอนแรกริมฝีปาก ลอกแห้งและเป็นขุยค่ะ เข้าใจว่าแพ้ลิป เลยเลิกใช้และลองไปหาหมอ คุณหมอให้วาสลีน ยาสเตียรอยด์มาทาและยาแก้แพ้มาทาน อาหารริมฝีปากแห้งดีขึ้นค่ะ แต่ตอนนี้ยังมีอาการแสบร้อนรอบริมฝีบากบน ลอกและแดงเหมือนปากไหม้ค่ะ คุณหมอเคยขูดรอบปากไปตรวจ koh แต่ไม่พบเชื้ออะไรค่ะ เป็นมาจะเดือนนึงแล้วค่ะ บางครั้งมีตุ่มเล็กๆใสๆขึ้น แต่วันเดียวก็หายไป คิดว่าไปน่าจะใช่เริม รึป่าว เพราะไม่ได้เป็นแบบตุ่มหนองค่ะ ไม่ได้มีไข้ หรือต่อมน้ำเหลืองโตด้วย ตอนนี้เครียดมากเลย ไม่หายสักที ต้องทายาสเตียรอยด์ตลอด เพราะแสบปากมาก ตั้งแต่เป็นก็ไม่ได้ทาลิปเลยค่ะ ทาวาสลีนอย่างเดียว ไม่ได้เปลี่ยนโฟมหรือยาสีฟันด้วย ไม่ได้กินยารักษาสิวหรืออะไรทั้งนั้น เลยไม่รู้ว่าเป็นโรคหรือแพ้อะไรกันแน่ทำอย่างไรดีคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)