ไม่ว่าใครก็อยากมีใบหน้าที่ดูดีสมส่วนได้รูปสวยงามกันทั้งนั้น เพราะการมีใบหน้าที่ดูดีนอกจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเราแล้ว ยังทำให้เรามีโหงวเฮ้งที่ดีมีสง่าราศีอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งสวยทั้งรับทรัพย์รับโชคไม่รู้จบ ด้วยเหตุนี้การศัลยกรรมจึงมีบทบาทสำคัญต่อคนสมัยใหม่ การทำปากกระจับก็เช่นกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกระแสศัลยกรรมที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
การทำศัลยกรรมทำปากระจับคืออะไร
สำหรับต่างชาติอาจจะนิยมริมฝีปากหนาดูอวบอิ่ม แต่สำหรับความนิยมของสาวไทยนั้นตรงกันข้ามอย่างชัดเจน ศัลยกรรมทำปากกระจับรวมทั้งการทำปากบาง เป็นศัลยกรรมที่ช่วยทำให้สาว ๆ มีริมฝีปากที่ดูสวย เซ็กซี่ สวยงามแบบพอดิบพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้เรียวปากและใบหน้า ทำให้ดูน่าหลงไหลชวนมองมากยิ่งขึ้น หากจะแบ่งแยกการศัลยกรรมริมฝีปากให้ละเอียด สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท คือ
โปรทำปากกระจับ ที่ Better me By Dr. Chanya Clinic ฟรี! ยกมุมปาก
เทคนิคพิเศษ ไม่ต้องพักฟื้น / ผ่อน 0% ได้ / ประเมินฟรี / รับประกัน 1 ปี / ประสบการณ์กว่าหมื่นเคส!
- ศัลยกรรมปากกระจับ ลักษณะของปากกระจับคือ รูปปากที่เป็นรูปรอยหยักตรงกลางริมฝีปากบนอย่างชัดเจน เป็นรูปปากที่ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ชวนมองอย่าบอกใคร การศัยลกรรมนั้น แพทย์จะกรีดที่ริมฝีปากด้านบนให้เป็นหยักตรงกลาง ทำการตัดแต่งเนื้อเยื่อภายในออก จากนั้นจะเย็บเข้าหากันใหม่ให้เป็นรูปหยักตรงกลาง เมื่อแผลหายแล้วก็จะได้ริมฝีปากทรงกระจับที่สวยงาม
- ศัลยกรรมปากบาง คนที่มีริมฝีปากหนาเกินไปจะนิยมทำศัลยกรรมเพื่อทำให้ริมฝีปากดูเรียวเล็ก โดยการผ่าตัดเฉพาะที่ริมฝีปาก เพื่อตัดเนื้อริมฝีปากด้านในและเยื่อบุช่องปากที่อยู่บริเวณเดียวกันออก จากนั้นจะทำการเย็บด้วยไหมละลาย
การทำปากกระจับและปากบางนี้ เป็นการศัลยกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ โดยการทำปากกระจับที่ริมฝีปากบน และทำปากบางที่ริมฝีปากล่าง ก็จะทำให้ริมฝีปากดูรับกันดี ดูเป็นธรรมชาติ ได้รูปสมส่วนสวยงามรับกับใบหน้า
วิธีการทำศัลยกรรมปากกระจับมีกี่ขั้นตอนอย่างไรบ้าง
กระบวนการศัลยกรรมริมฝีปากนั้น มีทั้งการผ่าตัดโดยใช้มีดหมอ และการใช้เลเซอร์ผ่าตัด ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป การใช้เลเซอร์จะทำให้มีเลือดออกขณะผ่าตัดน้อยกว่า แผลแห้งเร็วกว่า แต่ถ้าหากพูดถึงความสวยเนี๊ยบและความคงทนถาวรก็ยังต้องยกความดีความชอบให้การผ่าตัดด้วยมีด เพราะงานจะออกมาละเอียดกว่าและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
- ขั้นตอนการทำปากกระจับ หลังจากที่ได้มีการตกลงเรื่องรูปปากระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะทำการวัด และวาดตัวอย่างรูปปาก
- จากนั้นแพทย์จะเริ่มต้นด้วยการฉีดยาชาและให้ยาสลบเพื่อทำให้นอนหลับ ข้อดีคือช่วยลดความเจ็บปวด ลดความกังวลใจ อีกทั้งทีมแพทย์ยังทำงานได้ง่ายขึ้น
- การทำปากกระจับ เป็นการทำศัลยกรมที่ริมฝีปากบนเพียงอย่างเดียว แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการตัดแต่งริมฝีปากเฉพาะด้านบนให้เป็นหยักตรงกลาง ทำการตัดผิวริมฝีปาก เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อออกตามแนวยาวของริมฝีปากโดยเน้นให้เป็นรูปกระจับหรือรอยหยักตรงกลาง จากนั้นจะทำการเย็บด้วยไหมละลาย ตามแนวริมฝีปากที่วาดไว้
- สำหรับผู้ที่ต้องการทำปากกระจับด้านบนและทำปากบางที่ริมฝีปากล่างด้วย แพทย์จะทำการผ่าตัดไปพร้อมกันเลย มีขั้นตอนที่คล้ายกันเพียงแต่ด้านล่างจะเป็นการกรีดเพื่อนำเอาเนื้อริมฝีปากด้านใน เยื่อบุช่องปาก รวมทั้งกล้ามเนื้อส่วนเกินออกแล้วเย็บเป็นเส้นตรงธรรมดา ก็จะทำให้ริมฝีปากดูบางลง
- การเย็บแผลจะเย็บด้วยไหมละลาย ซ่อนแผลไว้ด้านในของริมฝีปาก เมื่อแผลแห้งแล้วจึงมองไม่เห็นแผลผ่าตัด กระบวนการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีโดยเฉลี่ย แตกต่างกันไปแล้วแต่เคส
- อาการบวมและรอยแผลจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นรูปทรงของปากจะเริ่มเข้าที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
อันตรายและข้อควรระวังก่อนการทำศัลยกรรม
ถึงแม้การทำปากกระจับจะทำให้ได้รูปปากที่โดดเด่นดูมีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ใช่ว่าศัลยกรรมประเภทนี้จะสามารถทำได้ทุกคน ที่สำคัญคือควรมีเนื้อที่มากพอสมควรไม่เช่นนั้นจะออกมาไม่สวยปากจะบางจนเกินไป
- ผู้ที่สามารถทำปากกระจับได้ควรเป็นผู้ที่มีริมฝีปากหนา มีเนื้อปากค่อนข้างมาก
- หรือมีมีปัญหารูปปาก อาทิ ริมฝีปากบนห้อย ไม่ได้สัดส่วนที่พอดี
- มีรูปผิดเพี้ยนซึ้งอาจเกิดจากอุบัติเหตุ หรือมีแผลเป็นบริเวณริมฝีปาก
แต่ทั้งนี้การทำปากกระจับและปากบางยังมีข้อที่ต้องระวังอยู่มาก ผู้ที่ไม่ควรศัลยกรรมปากกระจับและปากบางคือผู้ที่มีปากบางมากอยู่แล้ว คนไข้ที่มีปัญหายิ้มแล้วเห็นเหงือกหรือหุบปากไม่สนิท เพราะจะไม่สามารถตัดเนื้อออกได้อีก
วิธีการเลือกคลินิกให้ปลอดภัย
การศัลยกรรมไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณใดก็ตาม ต้องเตรียมความพร้อมหาข้อมูลข่าวสารมาอย่างดีที่สุด เพราะหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแล้วจะทำการแก้ไขลำบากมาก และบางครั้งอาจเกิดความเสียหายหนักเกินกว่าจะแก้ไขได้
- เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรอง มีความน่าเชื่อถือ ควรเลือกที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เนื่องจากที่แพทย์จะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
- แพทย์ผู้ทำการผ่าตัด ต้องเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ซึ่งหมายถึงแพทย์ที่เรียนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต 6 ปี ต่อด้วยศัลยศาสตร์ทั่วไป 3 ปี และศัลยศาสตร์ตกแต่งอีก 3 ปี รวมเป็น 12 ปี
- ควรเป็นแพทย์ที่อยู่ในสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย และมีประสบการณ์การผ่าตัดศัลยกรรมต่อเนื่องหลายปี
- เครื่องมือแพทย์ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดเชื้อ และเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย
- ถ้าจะให้ดี ควรเลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีการรับประกันงานศัลยกรรมหลังจากทำด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ศัลยกรรมปาก ทำปาก ฉีดปาก คืออะไร ต่างกันอย่างไร ราคาเท่าไร?