กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

ศัลยกรรมปาก ทำปาก ฉีดปาก คืออะไร ต่างกันอย่างไร ราคาเท่าไร?

ศัลยกรรมปาก ทำปาก ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีกี่รูปแบบ แต่ละรูปแบบต่างกันอย่างไร อันตรายไหม ต้องเตรียมตัวอย่างไร ราคาเท่าไร? เราจะไขข้อข้องใจให้ทราบกัน
เผยแพร่ครั้งแรก 19 ก.ย. 2019 อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 30 ต.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
ศัลยกรรมปาก ทำปาก ฉีดปาก คืออะไร ต่างกันอย่างไร ราคาเท่าไร?

ศัลยกรรมปาก ทำปาก ฉีดปาก เป็นนวัตกรรมความงามที่มีขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของรูปปาก รวมทั้งช่วยเสริมความงามให้ใบหน้า โดยมีทั้งการแก้ปัญหามุมปากตก ทำปากบาง ทำปากกระจับ หรือเสริมริมฝีปากให้อวบอิ่มสวยงาม ฯลฯ วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับนวัตกรรมการศัลยกรรมปากและการตกแต่งปากทั้งหมดว่ามีรายละเอียดอย่างไร แต่ละรูปแบบมีกระบวนการทำอย่างไร และต้องเตรียมตัวอย่างไร ก่อนเข้ารับการศัลยกรรมปากหรือตกแต่งรูปปาก

ศัลยกรรมปาก ทำปากคืออะไร?

ศัลยกรรมปากคือ การผ่าตัดแก้ไขหรือตกแต่งรูปปากให้เหมาะสมกับใบหน้าหรือความต้องการของผู้เข้ารับการศัลยกรรม โดยปัญหาเกี่ยวกับรูปปากส่วนใหญ่ที่คนเข้ารับการศัลยกรรม เช่น ปากคว่ำ ปากบาง ปากหนา ปากห้อย ปากไม่ได้รูป ซึ่งมีทั้งการตกแต่งริมฝีปากให้บางลง การตกแต่งริมฝีปากให้เป็นรูปกระจับ ยกริมฝีปากหรือการยกมุมปาก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รูปปากที่เหมาะสมกับใบหน้า โดยการศัลยกรรมปากแต่ละรูปแบบมีรายละเอียดดังนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
โปรทำปากกระจับ ที่ Better me By Dr. Chanya Clinic ฟรี! ยกมุมปาก

เทคนิคพิเศษ ไม่ต้องพักฟื้น / ผ่อน 0% ได้ / ประเมินฟรี / รับประกัน 1 ปี / ประสบการณ์กว่าหมื่นเคส!

  1. ศัลยกรรมปากให้บาง หรือทำปากบาง เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดริมฝีปากบนหรือล่างให้บางลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปากห้อยหรือปากหนา ศัลยแพทย์จะใช้วิธีตัดริมฝีปากออกและเย็บด้วยไหมละลาย โดยลักษณะแผลจะอยู่ด้านในริมฝีปาก
  2. ศัลยกรรมปากแบบยกริมฝีปากบน เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ปัญหาริมฝีปากบนตกลงมาปิดฟันบนจนหมด ทำให้เวลาพูดหรือยิ้มไม่เห็นฟันบน ซึ่งบางคนอาจไม่พึงพอใจ โดยการศัลยกรรมปากแบบยกริมฝีปากนี้แพทย์จะตัดหนังส่วนเกินบริเวณใต้ฐานจมูกประมาณ 3-4 มิลลิเมตร โดยตัดโค้งไปตามรูปของปีกจมูก หลังจากนั้นจะเย็บดึงผิวหนังและกล้ามเนื้อใต้รูจมูกขึ้นไป ทำให้รูปปากสมส่วนกับใบหน้ายิ่งขึ้น
  3. ศัลยกรรมปากกระจับ เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับแต่งริมฝีปากให้ได้รูป มีหยักนูนสวย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยการผ่าตัดมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ การตัดริมฝีปากด้านข้างออกเพื่อให้บริเวณตรงกลางนูนขึ้น แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดคือ สำหรับผู้ที่ปากบางอยู่แล้วอาจทำให้ปิดปากไม่สนิทได้ จึงมีการพัฒนาการศัลยกรรมปากอีกรูปแบบหนึ่งคือการตัดริมฝีปากออกเพียงเล็กน้อยและใช้วิธีการเย็บบริเวณตรงกลางให้นูนขึ้นเป็นรูปทรง ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดเรื่องปากบางลงไปได้ และเป็นหนึ่งในการศัลยกรรมปากที่กำลังได้รับความนิยม
  4. ศัลยกรรมปากแบบยกมุมปาก เป็นการผ่าตัดเพื่อยกมุมปากให้สูงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหามุมปากตก ปากคว่ำทำให้ใบหน้าดูเศร้าหมอง หรือแลดูบูดบึ้งตลอดเวลา โดยการผ่าตัดนี้แพทย์จะซ่อนรอยแผลเป็นไว้ด้านในปาก จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีแผลเป็น
  5. ศัลยกรรมปากเพื่อแก้ปัญหายิ้มเห็นเหงือก โดยทั่วไปเมื่อเรายิ้มจะเห็นเหงือประมาณ 1-2 มิลลิเมตร แต่หากเห็นมากกว่านั้นอาจจะทำให้สูญเสียความมั่นใจเวลายิ้มได้ โดยปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถผ่าตัดหรือศัลยกรรมปากเพื่อแก้ปัญหายิ้มเห็นเหงือกได้ แต่จำเป็นต้องตรวจวิเคราะห์ก่อนว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เช่น เกิดจากกระดูกกรามบนใหญ่และยื่น ก็จำเป็นต้องผ่าตัดกระดูก บางรายเหงือกค่อนข้างยาวจนปิดเนื้อฟันมากกว่าปกติ ก็ใช้วิธีผ่าตัดเหงือก หรือบางรายเกิดเพราะริมฝีปากด้านบนสั้น ปิดเหงือกน้อยเกินไป ก็สามารถผ่าตัดริมฝีปากเพื่อแก้ไขได้

ทั้งนี้ขั้นตอนการศัลยกรรมปากแต่ละรูปแบบจะคล้ายคลึงกัน เริ่มแรกแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการผ่าตัด จากนั้นจะเริ่มวาดปากตามรูปแบบที่ต้องการ ลงมือผ่าตัดตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ เมื่อเสร็จสิ้นจึงเย็บปิดปากแผล โดยระยะเวลาการผ่าตัดตกแต่งริมฝีปากนี้จะอยู่ที่ประมาณ 30 -45 นาที ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละกรณี

ก่อนศัลยกรรมปาก ทำปาก ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

  1. พบแพทย์เพื่อประเมินอาการและวางแผนการผ่าตัด รวมทั้งนัดหมายวันเวลาในการศัลยกรรมปาก
  2. 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด ห้ามรับประทานยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามิน A วิตามิน E น้ำมันตับปลา เพราะอาจมีผลต่อการบวมช้ำของแผลได้
  3. 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัดห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่
  4. หากมีโรคประจำตัวหรือมียาที่รับประทานเป็นประจำต้องแจ้งแพทย์โดยละเอียด

หลังศัลยกรรมปาก ทำปาก ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?

  1. ช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการศัลยกรรมปาก ควรประคบเย็นบริเวณริมฝีปากเพื่อลดอาการบวม
  2. รักษาความสะอาดในช่องปากอย่างเคร่งครัด โดยบ้วนน้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์จ่ายให้หลังอาหารทุกมื้อเพื่อป้องกันแผลผ่าตัดติดเชื้อจากเศษอาหารที่ตกค้าง
  3. 1 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการพูดคุยนานๆ ควรรอให้แผลแห้งและหายสนิทก่อน
  4. 2 - 4 สัปดาห์แรกควรรับประทานอาหารอ่อน รสไม่จัด ย่อยง่าย งดรับประทานของหมักดอง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  5. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาตามเวลานัดอย่างสม่ำเสมอ

ศัลยกรรมปาก ทำปาก อันตรายไหม?

โดยทั่วไปการศัลยกรรมปากโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถือว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หากไม่ได้ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เพราะรูปปากแต่ละคนไม่สามารถผ่าตัดได้ทุกเทคนิค เช่น ผู้ที่ปากบางไม่สามารถทำปากกระจับด้วยเทคนิคทั่วไปได้ ซึ่งหากไม่ได้ผ่าตัดโดยแพทย์ มักประสบปัญหาปากปิดไม่สนิท ยิ้มแล้วเห็นหงือก หรือบางรายที่ร้ายแรงรูปปากอาจจะเบี้ยวหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพราะเครื่องมือไม่สะอาดได้ ดังนั้นทางที่ดีควรปรึกษาเรื่องการศัลยกรรมปากจากศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้วิเคราะห์และประเมินก่อนว่าการผ่าตัดรูปแบบใดสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด

ราคาค่าศัลยกรรมปาก

การตกแต่งปากด้วยวิธีการศัลยกรรมปากนั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งระดับราคาก็แตกต่างกันตามความยากง่าย ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ค่าบริการโรงพยาบาลและค่าเวชภัณฑ์ โดยเริ่มต้นที่ 16,000 บาท ไปจนถึง 30,000 บาท (อ้างอิงจากโรงพยาบาลยันฮี)

นอกจากการทำปากหรือตกแต่งรูปปากด้วยวิธีการผ่าตัดแล้ว ยังมีอีกวิธีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปากบาง ต้องการเสริมปากให้หนาขึ้น หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มให้รูปปาก นั่นคือการฉีดปาก หรือฉีดฟิลเลอร์ปาก

ฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากคืออะไร?

การฉีดปาก หรือการฉีดฟิลเลอร์ปากคือการฉีดสารเติมเต็มหรือที่คุ้นเคยกันในชื่อฟิลเลอร์ เข้าไปบริเวณริมฝีปาก เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและเสริมความอวบอิ่มให้รูปปาก ซึ่งสารฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันประกอบด้วยสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic acid) มีคุณสมบัติในการเพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง โดยสารนี้จะเข้าไปเติมเต็มเซลล์ผิวริมฝีปาก รวมทั้งลดร่องลึกและริ้วรอยบนริมฝีปาก ทำให้ปากดูอวบอิ่มขึ้น 

วิธีนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม เนื่องจากไม่ต้องเปิดแผล จึงไม่มีรอบเย็บ (การศัลยกรรมปากมีบาดแผลแต่ขนาดเล็ก) โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปจะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ จากนั้นจะสลายไปเองตามธรรมชาติ หากต้องการมีรูปปากทรงเดิมก็ต้องฉีดซ้ำ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
โปรทำปากกระจับ ที่ Better me By Dr. Chanya Clinic ฟรี! ยกมุมปาก

เทคนิคพิเศษ ไม่ต้องพักฟื้น / ผ่อน 0% ได้ / ประเมินฟรี / รับประกัน 1 ปี / ประสบการณ์กว่าหมื่นเคส!

นอกจากสารฟิลเลอร์แล้วโรงพยาบาลและคลินิกบางแห่ง ยังอาจใช้วิธีการฉีดไขมันตนเองเข้าไปบริเวณปาก โดยดูดไขมันมาจากส่วนหน้าท้องหรือท้องแขน เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากมากยิ่งขึ้นด้วย โดยเทคนิคนี้เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการมีริมฝีปากอวบอิ่มสไตล์ฝรั่ง 

ก่อนฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากต้องเตรียมตัวอย่างไร?

  1. พบแพทย์และปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดฟิลเลอร์อย่างเหมาะสม
  2. 1 สัปดาห์ก่อนการฉีดปาก งดรับประทานยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามิน A วิตามิน E หรือน้ำมันตับปลา เพราะอาจมีผลต่อการบวมช้ำของแผลได้
  3. หากมีโรคประจำตัวหรือมียาที่รับประทานเป็นประจำต้องแจ้งแพทย์โดยละเอียด
  4. หากมีประวัติแพ้ยาหรือสารอื่นๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

หลังฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?

  1. หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกทันทีหลังทำ
  2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนและงดสูบบุหรี่ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวมหรืออักเสบได้ง่าย
  3. งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ จนกว่าปากจะหายบวม เพราะอาจทำให้ปากเสียรูปทรงได้
  4. ไม่ควรดึงหรือลอกหนังบริเวณริมฝีปาก เพราะจะทำให้ผิวริมฝีปากถูกทำลาย กักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง
  5. ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก

ใครที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ปาก?

  • ผู้ที่เป็นเริมบริเวณริมฝีปาก
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • ผู้ที่เป็นโรคเลือด หรือมีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ

ข้อควรระวังในการฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปาก

ตามปกติสารฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดริมฝีปากที่ใช้กันในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน นับว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ปัญหาสำคัญที่พบหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ เช่น ปากเบี้ยว ปากบวม ติดเชื้อ อักเสบ หรือร้ายแรงกว่านั้นคือริมฝีปากเน่า มักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือใช้สารแปลกปลอมอื่นๆ แทนฟิลเลอร์ ซึ่งพบในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ฉะนั้นทางที่ดีควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาลที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก

ราคาค่าฉีดฟิลเลอร์ปาก

ค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของฟิลเลอร์ รวมทั้งขึ้นอยู่กับค่าบริการทางการแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลหรือคลินิกด้วย โดยส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป 

ศัลยกรรมปาก ทำปาก ฉีดปาก เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ไขข้องบกพร่อง เสริมความงดงามให้ใบหน้า แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องพิจารณารายละเอียด รวมทั้งเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานด้วย เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยของร่างกายเราเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง
ศัลยกรรมทำปากกระจับ




5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
ยกมุมปาก แบบผ่าตัด ฉีดโบท็อกซ์ หรือฉีดฟิลเลอร์ดี?, (https://hdmall.co.th/c/corner-lip-lift).
โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล.ศัลยกรรมปาก / ปากบาง / ปากกระจับ (Lips Surgery). (https://www.kamolhospital.com/ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า/ศัลยกรรมปาก/).

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป