ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วต้องกินต่อเนื่องเป็นประจำหรือป่าวค่ะ

ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่การคุมกำเนิดปกติที่ต้องใช้ต่อเนื่องกันเป็นประจำค่ะ
เมื่อจำเป็นต้องใช้ ก็ใช้ให้ครบขนาด นั่นคือ 1 แผง สำหรับการใช้ป้องกันฉุกเฉินเป็นครั้งคราวนะคะ

ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกแรกในการคุมกำเนิด หรือใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ
เพราะประสิทธิภาพไม่สูงนัก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีปกติมาตรฐานหลายเท่าค่ะ
..
..
..
แต่ถ้าผู้ถามหมายถึง "เมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ต้องรับประทานยาคุมรายเดือนต่อเลยหรือเปล่า"
แนะนำให้ใช้เฉพาะยาคุมฉุกเฉินอย่างเดียวก่อนนะคะ แล้วรอว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่
ถ้ามี ก็คือไม่มีการตั้งครรภ์ และหากต้องการคุมกำเนิดต่อเนื่องต่อไป จึงค่อยเริ่มใช้ยาคุมรายเดือนค่ะ

ทันค่ะ เพราะเป็นการใช้ภายในเวลาไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะคะ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จะรับประทานเร็ว ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์อย่างน้อย 15% ค่ะ ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2% หรือถ้าใช้ยาคุมรายเดือนถูกต้องและตรงเวลา จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3% ดังนั้น จึงไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกตินะคะ

แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน เช่น ถูกข่มขืน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดปกติ เช่น ถุงยางฉีกขาด หรือลืมรับประทานยาคุมรายเดือน จึงค่อยใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองค่ะ

มีโอกาสตั้งครรภ์อย่างน้อย 15% ค่ะ

เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมาก จึงไม่แนะนำให้ใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติไงคะ แต่ในกรณีของผู้ถาม เนื่องจากใช้ถุงยางแล้ว แต่ถุงยางฉีกขาด ก็เลยจำเป็นต้องคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมค่ะ

การคุมกำเนิดฉุกเฉิน มี 2 ทางเลือกที่ทำได้ คือ

1. รับประทานยาคุมฉุกเฉิน โดยเร็ว ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน (หมายถึง ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์อีก ก็ต้องใช้ถุงยางทุกครั้ง) และมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25%

2. ใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง แต่ต้องให้สูตินรีแพทย์ใส่ให้ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ และมีประสิทธิภาพสูง ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% ค่ะ

ผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย ที่พบภายใน 7 วันหลังรับประทานยา อาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ค่ะ และไม่ว่าจะมีหรือไม่อาการดังที่กล่าวมา ไม่ได้บ่งชี้ว่ายามีหรือไม่มีประสิทธิภาพ และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ค่ะ

ยาคุมรายเดือนไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉิน จึงไม่ต้องใช้เพิ่มอีกค่ะ ใช้แค่ยาคุมฉุกเฉินเท่านั้นก็พอ ต่อจากนี้ไปจนกว่าจะมีประจำเดือนมา หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ

เมื่อมีประจำเดือนมาตามรอบปกติแล้ว (ต้องเป็นประจำเดือนจริง ๆ นะคะ ไม่ใช่เลือดกะปริบกะปรอยที่อาจเกิดขึ้นภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน) ก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วค่ะ และหากต้องการคุมกำเนิดต่อไปข้างหน้า ก็ให้เริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ซึ่งจะมีผลคุมกำเนิดได้เลยตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน (แต่ถ้าคิดว่าจะไม่มีเพศสัมพันธ์อีกแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ยาคุมรายเดือนนะคะ)

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพไม่สูงมากนัก ผู้ใช้ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% (ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2%) ดังนั้น หากไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติก็ควรตรวจการตั้งครรภ์นะคะ

ได้ค่ะ รับประทานอาหารได้ตามปกติค่ะ