สวัสดีค่ะ คือ2-3วันก่อนมีอะไรกับแฟนหลั่งใน แต่กินยาคุมแล้วค่ะ แล้วทีนี้ตัวหนูโทรมลงเรื่อยๆสิวขึ้นหน้า เป็นเพราะอะไรคะ?

สวัสดีครับ
ในกรณีนี้จะต้องประเมินดูก่อนว่าวันที่มีเพศสัมพันธ์นั้นยาคุมสามารถออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้หรือยังครับ เพราะถ้าหากยาคุมยังออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ไม่เต็มที่ก็อาจมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้สูง

ยาคุมจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้เต็มที่ใน 2 กรณี คือ
1. เริ่มรับประทานยาคุมภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ยาคุมจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ตั้งแต่วันแรก
2. ถ้าเริ่มรับประทานยาคุมช้ากว่า 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันนานอย่างน้อย 7 วันก่อนยาคุมจึงจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้

ในกรณีที่มีความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์อยู่หมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ส่วนการมีสิวขึ้นที่หน้านั้นไม่ได้เป็นอาการที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์แต่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- การมีฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ
- ผลข้างเคียงจากยาคุม
- การดูแลรักษาความสะอาดของใบหน้าที่ไม่ดี
- ความเครียด
- การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
- สิวอักเสบติดเชื้อ
เป็นต้น
ซึ่งในเบื้องต้นหมอก็แนะนำว่าควรพยายามดูแลรักษาความสะอาดของใบหน้าให้ดี ระหวังไม่ให้เกิดความมัน ไม่แกะเกาสิว และถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจหาสาเหตุครับ

สวัสดีครับ
ยาคุมที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ต้องเป็นยาคุมแบบฉุกเฉินนัครับ โดยทั่วไปแล้วผลข้างเคียงของยาคุมแบบฉุกเฉินที่พบได้คือการมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ซึ่งมักจะเกิดในช่วงภายหลังการทานยาชนิดนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ เลือดที่ออกมานั้นไม่ใช่ประจำเดือน และไม่ได้บ่งบอกว่าจะไม่มีการตั้งครรภ์ครับ ประจำเดือนจริงๆของผู้ที่ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมักจะมาปกติตามรอบเดือนเดิม ส่วนเรื่องสิวนั้นเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุครับ โดยปกติแล้วยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินไม่ค่อยพบว่ามีผลข้างเคียงทำให้เกิดสิวขึ้นครับ

การที่ร่างกายมีความอ่อนแรง อ่อนเพลียมากขึ้นนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น ความเครียด การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอ ภาวะโลหิตจาง โรคเบาหวาน ความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย เป็นต้น

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์อายุรกรรมเพื่อตรวจประเมินอาการดูก่อนครับ