June 04, 2019 04:51
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมแบบรายเดือนให้สามารถออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ในทันทีได้รั้นจะต้องรับประทานยาภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนครับ ถ้าหากเริ่มรับประทานยาช้ากว่านี้ก็จะต้องรับประทานยาติดต่อกันนานอย่างน้อย 7 วันก่อนยาคัมจึงจะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ และในช่วง 7 วันแรกของการรับประทานก็จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนครับ
ในกรณีนี้ถ้าหากได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยไปก็ถือว่าไม่ปลอดภัย ซี่งหมอก็แนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ ปกติการทานยาคุมกำเนิดต้องทานภายใน 5 วันนับจากประจำเดือนมาวันแรกยาคุมจะออกฤทธิ์ตั้งแต่เม็ดแรกทันทีค่ะ หรือถ้าทานหลังจากประจำเดือนมาควรทานติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันยาคุมกำเนิดถึงจะออกฤทธิ์ค่ะ กรณีไม่ได้ทานภายใน 5 วันและไม่ได้ทานติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันและถ้าไม่ได้ป้องกันโดยถุงยางอนามัยมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ค่ะ กรณีนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ยังไม่ถึง 120 ชั่วโมงให้รีบทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินค่ะ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% ยิ่งทานเร็วหลังมีเพศสัมพันธ์ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็จะมีประสิทธิภาพสูงค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
กินยาคุมแบบแผง 28 เม็ด หลังประจำเดือนมาแล้ว 1 อาทิตย์ มีโอกาสตั้งครรภ์ไหมถ้ามีเพศสัมพันธ์หลังจากพึ่งกินได้ 2 วัน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)