ปวดหัวบ่อยมาก กินยาก็หายได้แปปก็เป็นอีก ปวดหัวมึนไม่ค่อยอยากทำไร ลุกเร็วก็ปวด บ้างทียุเฉยๆยังปวดค่ะ

สวัสดีครับ หากอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ซักประวัติและตรวจร่างกายก่อนนะครับ เพราะสาเหตุของการปวดศีรษะนั้นมีหลายสาเหตุมากๆ ซึ่งถ้าเจอสาเหตุหรือได้รับการวินิจฉัยที่แน่นอนแล้ว การให้คำแนะนำจะมีประโยชน์มากกว่าครับ สำหรัสาเหตุของการปวดหัวนั้น หลักๆจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทครับ 1.อาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ คือเป็นการปวดศีรษะแบบไม่พบพยาธิสภาพ คือไม่เจอโรคแต่เกิดจากความผิดปกติของการรับรู้ของระบบประสาทครับ อาการปวดศีรษะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อย ได้แก่ การปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัว(tension headache) ปวดไมเกรน(migraine) และ ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (cluster headache) เป็นต้น 2.ปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ คือเป็นการปวดศีรษะแบบที่มีพยาธิสภาพหรือโรคที่พบได้ทั้งในสมองหรือนอกสมองครับ เช่น เนื้องอกสมอง เลือดออกในสมอง หลอดเลือดดำในสมองอุดตัน การติดเชื้อในระบบประสาท การบาดเจ็บที่ศีรษะ แรงดันน้ำในสมองผิดปกติ หรือมีสาเหตุจากภายนอกศีรษะ เช่น ไซนัสอักเสบ ต้อหินเฉียบพลัน เส้นเลือดที่ขมับอักเสบ ฟันเป็นหนอง เป็นต้นครับ

อายุเท่าไหร่ โรคประจำตัวมีมั้ยครับ ลักษณะปวด ปวดอย่างไรครับ ปวดค้างตลอดหรือไม่ หรือว่าปวดตุบๆ เป็นพักๆ มีอาการอื่นอีกหรือไม่ เช่น ไข้ แขนขาอ่อนแรง ไอเจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว อ้วก อาเจียน?? เป็นการกี่วัน เคยเป้นมาก่อนหรือไม่ กินยาอะไรไปบ้าง ถ้าหากผู้ป่วยปวดมากยาท แนะนำให้ไปโรงพยาบาลครับ ถ้าไปตอนนี้จะได้ตรวจกับแพทย์เวรห้องฉุกเฉินครับ ซึ่งถ้าเป็นห้องฉุกเฉินจะตรวจตามความเร่งด่วนเป็นหลัก เช่น ผู้ป่วยหมดสติ หัวใจหยุดเต้น หรือประสบอุบัติเหตุมาเป็นต้น ไม่ใช่ตามคิว ในบางครั้งอาจจะต้องรอนานหน่อยครับ อันนี้กรณีที่เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลนะครับ ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน ผู้ป่วยอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ และถ้าแพทย์ซักประวัติและตรวจร่างกาย แล้วไม่พบความผิดปกติ ก็จะจัดอยู่ในกลุ่มปวดหัวชนิดปฐมภูมิครับ ก็จะได้ยามาบรรเทาอาการ หรืออาจจะเป็นยาที่แก้ปวดที่แรงกว่าตัวเดิมครับ แต่ถ้าแพทย์สงสัยว่าอาการปวดหัวนั้น น่าจะมีสาเหตุ(ปวดหัวชนิดทุติยภูมิ) ก็อาจจะส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น แสกนสมอง เป้นต้นครับ

หากมีประวัติภูมิแพ้หรือหอบหืด อาการปวดหัวอาจมาจากไซนัสอักเสบก็เป็นได้ค่ะ ดังนั่นควรไปพบแพทย์ตรวจหาสาเหตุ อาการปวดหัวมีหลายสาเหตุมากจำเป็นต้องตรวจร่างกายซักประวัติอาการอน่างละเอียด เมื่อทราบสาเหตุก็ต้ิงแก้ไขที่สาเหตุค่ะ การทานยาพาราอาจเป็นแค่การรักษาปลายเหตุอาจทำให้อาการทุเลาลงได้แต่ไม่หายขาดค่ะ

จริงๆ ถ้าเป็นไปได้หมอแนะนำว่าควรไปในเวลาราชการหรือคลินิกนอกเวลาของโรงพยาบาลรัฐจะดีกว่าครับ และจะได้มีเวลาพูดคุยกับผู้ป่วยนานขึ้นครับ (และบางโรงพยาบาลรัฐจะมีนักศึกษาแพทย์มาฝึกงาน ตัวเราเองจะได้เป็นครูให้นักศึกษาแพทย์ และ นศพ.กลุ่มนี้มักจะซักประวัติและตรวจร่างกายให้อย่างละเอียดอยู่แล้วครับ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะวินิจฉัยผิดพลาดหรืออะไร เพราะจะมีอาจารย์แพทย์คอยคุยและดูแลให้อยู่แล้วครับ) ลองขอที่ทำงานไปหาหมอดูครับ และนำใบรับรองแพทย์มายื่นทีหลัง เวลาไปพบแพทย์ก็เล่าอาการให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ยิ่งประวัติละเอียด ก็จะช่วยในการวินิจฉัยครับและอย่าลืมขอใบรับรองแพทย์ว่ามารับการตรวจจริงด้วยครับ แต่ถ้าคุณไปนอกเวลา ก็จะได้พบแพทย์เวรห้องฉุกเฉิน ซึ่งแพทย์อาจไม่มีเวลาได้พูดคุยหรือซักถามอาการมากนัก เนื่องจากผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุมีเยอะ รวมถึงผู้ป่วยที่อาการหนักๆ คนอื่นด้วยครับ