August 09, 2019 23:52
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม เมื่อเริ่มรับประทานแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" ติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ค่ะ ในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยา จึงต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางป้องกันไปก่อนนะคะ
หากผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมที่ใช้ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามผลป้องกันของวิธีหลั่งนอกค่ะ ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่า เมื่อเทียบกับการใช้ถุงยาง หรือการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลป้องกันจากยาคุมรายเดือนแล้ว
ซึ่งหากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็จะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงนะคะ
และหากต้องการจะรับประทานยาคุมรายเดือนต่อ ก็ควรจะรับประทานให้ตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ และงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนจนกว่าจะมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมแผงนี้แล้ว
..
..
..
แต่ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดจากยาแล้วค่ะ จึงไม่ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีก แต่ควรรับประทานยาคุมต่อให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์นะคะ
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ
..
..
..
หรือหากผู้ถามต้องการคำแนะนำที่ชัดเจน ต้องขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไรคะ
2. เริ่มรับประทานเม็ดแรกของแผงนี้ในวันที่เท่าไหร่
3. ประจำเดือนรอบล่าสุดมาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
กินยี่ห้อ จัสมิน 21เม็ด
มาประจำเดือนวันที่ 24-31 /7/62
เริ่มกินยา วันที่ 4/8/62
วันที่ 7 มีเพศสัมพันธ์โดยการใส่ถุงรอบแรก หลั่งนอกรอบสอง คะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
ยาคุมที่ผู้ถามใช้คือ ยาสมิน (Yasmin) ใช่มั้ยคะ?
หากเลิกรับประทานยาคุมไปแล้ว การกลับมารับประทานใหม่ ก็ถือว่าแผงนี้เป็น "ยาคุมแผงแรก" ค่ะ ซึ่งเมื่อผู้ถามเริ่มรับประทานไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานยาสมินติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ
การที่ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์และป้องกันด้วยวิธีหลั่งนอกในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมยาสมิน ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ตามผลป้องกันของวิธีหลั่งนอกค่ะ
ดังนั้น แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้นะคะ (ถ้าคืนนี้ไม่สามารถหาซื้อยาคุมฉุกเฉินได้แล้ว แนะนำให้รับประทานพรุ่งนี้เช้าค่ะ) โดยให้รับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวนะคะ
ส่วนยาคุมยาสมิน หากต้องการใช้ต่อ ก็สามารถทำได้ แต่ต้องรอให้รับประทานติดต่อกันครบ 7 วันก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยได้นะคะ (จะครบ 7 วัน เมื่อถึงเวลารับประทานยาคุมเม็ดที่ 8 ของแผงค่ะ)
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมยาสมิน จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0. 3 - 9% ซึ่งความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ดังนั้น ต่อไปผู้ถามก็ควรจะรับประทานให้ตรงเวลานะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
รับประทานยาคุมฉุกเฉินตอนเช้า ไม่เกินกี่โมงคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ควรรับประทานโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ค่ะ
การใช้ยาคุมฉุกเฉิน สามารถใช้ได้หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ แต่ยิ่งใช้เร็ว ประสิทธิภาพก็ยิ่งดีกว่าการใช้ล่าช้า และหากใช้ทันภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า 72 - 120 ชั่วโมงค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
และในกรณีที่ผู้ถามใช้ยาสมินต่อ เมื่อใช้จนหมดแผงแล้วให้เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ หากไม่มีการตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยประจำเดือนมักจะมาหลังจากที่ใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย
แต่ถ้าเว้นว่างไปจนครบ 7 วันแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ และหากผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คุณหมอคะ ยาคุมฉุกเฉินนี้กิน 2เม็ด รวดเลยใช่ไหมค่ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินที่มีจำหน่ายในประเทศไทยในปัจจุบัน จะมีตัวยาฮอร์โมนชนิดเดียวกันค่ะ โดยจะมี 2 รูปแบบ ได้แก่...
1. ชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด ได้แก่ โพสตินอร์, มาดอนน่า, แมรี่พิงค์, นอร์แพ็ก และเลดี้นอร์ ซึ่งจะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม (รวม 2 เม็ดก็จะเป็น 1.5 มิลลิกรัม)
2. ชนิดที่มีแผงละ 1 เม็ด ได้แก่ เมเปิ้ลฟอร์ท และแทนซีวัน ซึ่งจะมีตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล 1.5 มิลลิกรัม
ดังนั้น จะใช้ยี่ห้อใดก็ไม่แตกต่างกันนะคะ เพราะตัวยาเหมือนกัน และมีปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากันค่ะ
..
..
..
ส่วนวิธีการรับประทาน มี 2 วิธี ได้แก่...
1. วิธีดั้งเดิม คือรับประทานครั้งละ 0.75 มิลลิกรัม รวม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง โดยใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด และรับประทานครั้งละ 1 เม็ด แยกกันเป็น 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง
2. วิธีใหม่ คือรับประทาน 1.5 มิลลิกรัมครั้งเดียว นั่นคือ ถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวค่ะ
ทั้ง 2 วิธี จะต้องรับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ
ก่อนนี้เคยมีงานวิจัยที่ชี้ว่าประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของทั้งสองวิธีไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ ๆ กลับชี้ว่าการรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพดีกว่าค่ะ อีกทั้งยังสะดวก ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานครั้งที่สอง ดังนั้นแนะนำให้รับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้เลยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ไม่เกิน 120 ชม. ใช่ไหมคะ
แต่ยาคุมแบบรายเดือนก็กินต่อเนื่องพยายามให้ตรงเวลาใช่ไหมคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ในกรณีของผู้ถามเสี่ยงที่จะมีไข่ตกในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์นะคะ ซึ่งหากมีไข่ตกไปแล้ว หรือถ้ายาไปชะลอการตกของไข่ไม่ทัน ก็เสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จค่ะ ดังนั้น ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดที่ทำได้นะคะ อย่ารอจนใกล้ 120 ชั่วโมงทั้งที่สามารถรับประทานเร็วกว่านั้นได้
เพราะการศึกษาในปัจจุบันชี้ว่ากลไกหลักที่มีประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินก็คือการชะลอไข่ตก ถ้าใช้ล่าช้า ก็เสี่ยงที่ยาจะไปชะลอการตกของไข่ไม่ทัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น กลไกอื่น ๆ ของยาก็อาจไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะป้องกันได้ค่ะ
ดังนั้น หลังตื่นนอนเช้านี้ เมื่อร้านยาใกล้บ้านเปิดบริการ ผู้ถามควรไปซื้อยาคุมฉุกเฉินแล้วรับประทานโดยเร็วเลยนะคะ
..
..
..
ส่วนยาคุมยาสมิน หากยังต้องการใช้ต่อ ก็ควรรับประทานให้ตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณคุณหมอมากๆค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูขอสอบถามหน่อยคะ พอดีหนูหยุดกินยาคุมมา 2เดือน(ในระหว่างหยุดกินไม่มีเพศสัมพันธ์) แล้วหนูมาเริ่มกินยาคุมใหม่ หลังประจำเดือนหมดประมาณ 5-7วัน หนูกินเม็ดแรก เที่ยงคืน เม็ดที่สอง ห้าทุ่ม เม็ดที่สาม 4ทุ่ม คือกินยาคุมไม่ตรงเวลาแล้วหนูมีเพศสัมพันธ์(รอบแรกใส่ถุง รอบสอง ปล่อยนอก) ก่อนจะกินเม็ดที่สี่ เที่ยงคืน แล้วหนูมีสิทธิ์ท้องไหมคะ แล้วถ้าหลังจากนี้หนูจะพยายามกินยาให้ตรงเวลาโดยเลือกกินเวลา4ทุ่มทุกวัน กินยากี่วันถึงยาจะมีประสิทธิ์ภาพในการคุมกำเนิดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)