July 31, 2019 07:42
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ
ส่วนการรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นก็จะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนรับประทานยา 120 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีกหลังจากได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็จะไม่ได้รับการป้องกันจากยาคุมฉุกเฉินครับ
ในตอนนี้หมอแนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดอีกครั้งก่อนโดยรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ภายในเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อที่จะช่วยลดโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
และหลังจากนี้ถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
การหลั่งนอกไม่ใช่การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ เพราะระหว่างการมีเพศสัมพันธ์แม้ไม่มีการหลั่งอาจิแต่สามารถมีอสุจิหลุดมากับสารคัดหลั่งขณังะมีเพศสัมพันธ์ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ แนะนำรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เนื่องจากจะมีประสิทธิการคุมกำเนิดมากกว่า90%หากรับประทานภายใน72ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียงทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเกิดประมาณ25% ร่วมกับอาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยทางช่องคลอดได้ ประมาณ15% และอาจมีประจำเดือนเลื่อนได้
แนะนำการมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไปอาจใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วม เช่น การสวมถุงยางอนามัย หรือการรับประทานยาคุมชนิดแผงฮอร์โมนรวม เป็นต้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณมากครับ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
ยาคุมฉุกเฉินครั้งแรก ไม่ครอบคลุมถึงครั้งที่่สองครับ
สวัสดีครับ
การหลั่งข้างนอก ( withdrawal ) เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ครับ
>>จากสถิติ ถ้าทำได้ถูกต้องเลยโอกาสจะตั้งท้องประมาณ 4% แต่โดยทั่วๆไป หรือตามความจริงแล้ว ขณะที่อวัยวะเพศชายสอดใส่ มักมีสเปิร์มออกมาพร้อมกับร้ำหล่อลื่นบ้างบางส่วนครับ ทำให้โอกาสจะตั้งครรภ์ในชีวิตจริงมีสูงถึง 22-27% ครับ
ดังนั้น หากไม่แน่ใจ และไม่ได้คุมกำเนิดโดยวิธีอื่นๆ ช่วย อาจจะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุดครับ
โดยหากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90%
ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ
และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกวิธี ที่สามารถทำได้ หรือถ้าต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น จะเปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ
วิธีนี้ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ สามารถตั้งครรภ์ได้ครับ เบื้องต้นแนะนำว่าควรซื้อยาคุมฉุกเฉิน มากิน ภายใน 72 ชั่วโมงครับ จะสามารถป้องกันกำเนิดได้ ประมาณ 80%ครับ และควรรู้จักการคุมกำเนิดครับ เช่น การกินยาคุมแบบแผง การใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้นครับ
สำหรับการกินยาคุม ตองเริ่มเม็ดแรกภายใน 1-5 วันแรกที่มีประจําเดือนเทานั้น กินในเวลาใกล้เคียงกันในแต่ละวันเพื่อให้ระดับฮอร์โมนคงที่
คือกินต่อเนื่องทุกวัน สำหรับแผง 28 เม็ด
หยุดกิน 7 วันหลังเม็ดสุดท้าย สำหรับแผง 21 เม็ด
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ สำหรับการหลั่งนอกมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% ค่ะ ส่วนการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินยาคุมจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ 75-85% ถ้ามีเพศสัมพันธ์อยู่ระหว่างการทานยาคุมกำเนิดเม็ดแรกกับเม็ดที่สอง ก็ให้ทานเม็ดสองห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมงค่ะ แต่ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดแบบเม็ดเดียวหรือทานครั้งเดียว ยาคุมกำเนิดจะไม่มีประสิทธิภาพในการคุมย้อนหลังค่ะ ต้องทานซ้ำอีกรอบ โดยให้ทานให้เร็วที่สุดหรือไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หรืออย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงค่ะ และแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์มาแล้วอย่างน้อย 14 วัน โดยตรวจในตอนเช้าหรือปัสสาวะแรกของวันจะได้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดค่ะ และถ้าต้องการมีเพศสัมพันธ์ครั้งถัดไปแนะนำคุมด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมแบบรายเดือน แบบฉีด แบบฝัง เป็นต้นค่ะ ยาคุมฉุกเฉินมีไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถูกข่มขืน ถุงยางอนามัยแตก หรือลืมทานยาคุมแบบรายเดือน ไม่ควรใช้คุมกำเนิดเป็นประจำค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้วไม่ได้ใส่ถุง แต่หลั่งนอกแล้วแฟนก็กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 4ทุ่มของวันนั้นก็มีเพศสัมพันธ์อีกแล้วก็ไม่ใส่ถุง แต่ก็ยังหลั่งนอกเหมือนเดิม แฟนผมจะท้องไหมครับ หรือว่าแฟนผมต้องกินยาคุมฉุกเฉินซ้ำอีกหรือปล่าว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)