March 11, 2017 14:50
ตอบโดย
ชัยวัฒน์ จิรานันท์สกุล (หมอเปี๊ยก) (นพ.)
อาการปวดหลัง เป็นอาการที่นำมาพบแพทย์มากที่สุด อาการหนึ่ง
คนทั่วไป มักนึกถึงโรคที่ร้ายแรง เช่นโรคไต แต่จากอุบัติการณ์ การเกิดแล้ว สาเหตุที่พบบ่อยกว่าคือจาก กล้ามเนื้อเส้นเอ็น
มาทำความเข้าใจ รู้จักโรคปวดหลังกัน
ปวดหลัง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ไม่เฉพาะแต่ในผู้สูงอายุเท่านั้น อาการปวดหลังเป็นภาวะที่สร้างความเจ็บปวด และกระทบตอการ ใชชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
สาเหตุของการปวดหลัง
-ทาทางอิริยาบถ การเคลื่อนไหวรางกาย และการใชงานหลัง ที่ไม่ถูกตองเป็นเวลานาน เป็นสาเหตุการปวดหลังที่พบไดบอยในคนวัยทํางานที่ตองทํางานกับคอมพิวเตอร หรือทํางานนั่งโตะเป็นเวลานาน ๆ
-การบาดเจ็บบริเวณหลัง จากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา เชน รักบี้ฟุตบอล
-ความผิดปกติของกระดูกสันหลังแต่กำเนิด เชน โพรงกระดูกสันหลังตีบแต่กำเนิด กระดูกสันหลังคด
-โรคของกระดูกสันหลัง
--การเสื่อมสภาพของกระดูกสันหลัง
--หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเสนประสาทจึงมีอาการปวดร้าวลงขาร่วมดวย
--โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ มักมีอาการชา เมื่อยขา เวลาเดินระยะทางไกล จนตองหยุดพักเปนระยะ
--กระดูกสันหลังเคลื่อน ทําใหเกิดอาการปวดหลังเมื่อมีการขยับตัว
-โรคอื่น ๆ ที่ทําใหเกิดอาการปวดราวมาที่หลังได เชน นิ่วในกรวยไตหรือหลอดไต โรคเกี่ยวกับรังไข และมดลูก มะเร็งที่มีการกระจายมายังกระดูกสันหลัง ซึ่งจะมีอาการปวดมากตลอดเวลา แม้หลับไปแลว ก็ตองตื่นด้วยอาการปวด
การรักษาอาการปวดหลัง มี 2 วิธีหลัก
1.การรักษาโดยไมตองผาตัด
แบงเปน
-การรักษาแบบประคับประคอง ไดแก การรับประทานยา การทํากายภาพบําบัด การบริหารกลามเนื้อหลัง และหนาทองใหแข็งแรง การลดน้ําหนัก และการนอนพัก มักเป็นวิธีที่ใชเริ่มตนในการรักษา ยกเวนกรณีที่ผูปวยมีขอบงชี้ชัดเจน วาตองไดรับการรักษาโดยวิธีอื่น
-การฉีดยาสเตียรอยดเขาโพรงกระดูกสันหลัง ซึ่งจะชวยลดความปวดจากการอักเสบและชวยในการวินิจฉัยตําแหนงที่เป็นตนเหตุ ของอาการปวดได การรักษาวิธีนี้ใชในกรณีที่ผูปวยไดรับการรักษาแบบประคับประคองเต็มที่แลว แตอาการไมดีขึ้น หรือมีอาการปวดรุนแรง จากการที่เสนประสาทโดนรบกวน
2.การรักษาโดยการผาตัด
แพทยจะใชวิธีการรักษานี้ เมื่อผูปวยมีขอบงชี้ที่ชัดเจน เชน ควบคุมการขับถายไมได ขาออนแรง เดินไม่ได้ หรือเมื่อทําการรักษาโดยวิธีอื่นแลว ไม่ได้ผล ซึ่งวิธีการผาตัดมีหลายวิธี ขึ้นกับภาวะของผู้ป่วย หรือขอบงชี้ในการผาตัด
วิธีการปฏิบัติตัวเพื่อบรรเทาและปองกันอาการปวดหลัง
***การบริหารรางกายเฉพาะสวน
-ทาที่ 1 ทายืดกลามเนื้อหลังและตนขาดานหลัง
1.ยืนตรง ปลายเทาขนานกับหัวไหล
2.กมตัวไปดานหนา เขาตึง เหยียดแขนลงแตะปลายเทา ยืดค้างไว 10 วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
-ทาที่ 2 ทายืดกล้ามเนื้อหลัง
1.นั่งหลังตรง ปลายเท้าขนานกับหัวไหล
2.กมตัวไปด้านหนา เหยียดแขนลงแตะปลายเทา ยืดค้างไว 10วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
-ทาที่ 3 ท่ายืดกล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อต้นขา
1 นั่งหลังตรง ปลายเท้าขนานกับหัวไหล่
2 ยกขาวางบนเท้าของขาอีกข้าง ก้มตัวไปด้านหน้า เหยียดแขนลงจนรู้สึกหลังตึง ยืดค้างไว้ 10 วินาที ทำสลับขาอีกข้าง
-ท่าที่ 4 ท่าบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อหน้าท้อง สะโพก และหลัง
1 นอนหงายชันเข่า 2 ข้าง
2 หายใจเข้า และออก ช้า ๆ พร้อมกับแขม่วหน้าท้อง กดหลังให้ติดแนบกับพื้น เกร็งไว้ แล้วนับ 1-10 แล้วพัก ทำซ้ำ 10 ครั้ง
***ฝึกฝนการใช้ลักษณะท่าทางที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดหลัง และบรรเทาอาการปวดหลัง เช่น การยืนให้ยืดหลังให้ตรง การยกของใช้การย่อตัวลง เข่าข้างหนึ่งยันพื้น หลังตรงตลอดเวลา อีกทั้ง ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ และควบคุมน้ำหนักตัว ไม่ให้อ้วน เพราะการมีหน้าท้องยื่น ทำให้หลังต้องแอ่นมากขึ้น ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้
อาการปวดหลัง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเป็นอาการที่พบได้บ่อย สร้างความลำบาก และความทรมานในการดารงชีวิตประจำวัน แต่อาการปวดหลังสามารถปองกันไม่ใหเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงควรตระหนักในการปองกันตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดอาการปวดหลัง หรือหากเกิดอาการปวดหลังขึ้นแล้ว ก็ควรปฏิบัติตัวให้ถูกตอง ดังที่ได้แนะนำเพื่อชะลอความรุนแรง และบรรเทาอาการปวดหลังดังกล่าว
Reference : คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เกี่ยวกับอาการปวดหลังในเวลานอนทำให้ไม่สามารถนอนตรงได้ต้องนอนตะแครงอย่างเดียว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)