วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium ซึ่งมีหลายชนิด สำหรับเชื้อแบคทีเรียชนิดที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่ M.tuberculosis
เชื้อแบคทีเรียสามารถแพร่เชื้อโดยการรับละอองเสมหะจากปอดผู้ป่วยจากการไอ จาม ในบริเวณที่มีประชากรอยู่รวมกัน เช่น บ้าน โรงเรียน ประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีอายุน้อย ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคเอดส์ (AIDS) มีความเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรคมากขึ้นเมื่อได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้
ผู้ที่มีอาการบ่งชี้ว่า อาจเป็นวัณโรค แพทย์จะนิยมสั่งตรวจหาเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ด้วยการตรวจเสมหะย้อมเชื้อ Acid-Fast Bacillus (AFB) โดยเก็บตัวอย่างจากเสมหะ หรือน้ำในกระเพาะอาหารจากเด็กไปทดสอบ
จุดประสงค์ของการตรวจ Acid-Fast Bacillus (AFB)
การตรวจ AFB ทำให้พบแบคทีเรียหลายชนิด แต่แบคทีเรียที่พบได้บ่อยมากที่สุดและมีความสำคัญทางการแพทย์ คือ Mycobacterium Tuberculosis หนึ่งในสปีชีส์ของ Mycobacterium ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อมากที่สุด
และยังมีไมโคแบคทีเรียอีกกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า Non-tuberculous Mycobacteria (NTM) สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน
นอกจากนี้การตรวจ AFB สามารถช่วยวินิจฉัย ติดตาม และลดการแพร่กระจายโรควัณโรค รวมถึงระบุประสิทธิผลของการรักษาได้อีกด้วย
การตรวจ AFBช่วยให้แพทย์สามารถตรวจหา Acid-Fast Bacilli เพื่อหาการติดเชื้อวัณโรคระยะแสดงอาการมากที่สุด โดย Acid-Fast Bacilli เป็นไมโคแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่สามารถมองเห็นได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เมื่อนำไปส่องกับกล้องจุลทรรศน์และนำไปผ่านกระบวนการย้อมสี แบคทีเรียจะมีสีเดียวกับสีที่ย้อมหลังจากล้างด้วยแอลกอฮอล์ที่ใส่กรด
สำหรับชื่ออื่นๆ ของ AFB ได้แก่
- AFB Smear and Culture
- TB Culture and Sensitivity
- Mycobacteria Smear and Culture
- TB NAAT
- Acid-Fast Bacillus Smear and Culture and Sensitivity
- Mycobacterium tuberculosis Nucleic Acid Amplification Test
นอกจากการตรวจ AFB แล้ว ยังมีการตรวจอีกหลายวิธีที่นำมาใช้ควบคู่กัน เช่น
- การตรวจหาโมเลกุลสำหรับโรควัณโรค (Nucleic Acid Amplification Test (NAAT)): การทดสอบนี้มักถูกนำมาใช้เมื่อผลของ AFB Smear เป็นบวก หรือแพทย์สงสัยว่า ผู้ป่วยเป็นโรควัณโรค การตรวจหาโมเลกุลนี้สามารถช่วยวินิจฉัยเบื้องต้นได้เหมือนกับการทำ AFB Smear โดยทั่วไปแล้วเราจะทราบผลตรวจของ NAAT ใน 1-3 วันหลังจากที่เก็บตัวอย่างเสมหะ หรือของเหลวจากทางเดินหายใจ
- AFB Cultures: เป็นการเพาะเชื้อเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อ M. tuberculosis ที่อยู่ในระยะแสดงอาการ และการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ใช่เชื้อวัณโรค (Non-tuberculous Mycobacteria) แม้ว่าการเพาะเชื้อตอบสนองได้ง่ายกว่า AFB Smear แต่อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการรอผลตรวจ
- Susceptibility Testing: การตรวจประเภทนี้มักถูกสั่งให้ทำควบคู่กับการตรวจ AFB Cultures เพื่อหายาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในการรักษาการติดเชื้อไมโคแบคทีเรีย
เมื่อไรที่ต้องตรวจ Acid-Fast Bacillus (AFB)?
ผู้ที่ต้องเข้ารับการตรวจ AFB คือผู้ที่แพทย์สงสัยว่า จะมีเชื้อวัณโรค ดังต่อไปนี้
- มีสัญญาณและอาการที่บ่งชี้ว่า มีการติดเชื้อวัณโรคที่ปอดระยะแสดงอาการ หรือมีการติดเชื้อไมโครแบคทีเรียที่ปอดชนิดอื่นๆ เช่น
- เฉื่อยชา
- ไอเรื้อรังพร้อมกับมีเสมหะซึ่งอาจมีเลือดปนออกมาเป็นบางครั้ง
- เป็นไข้ หนาวสั่น
- มีเหงื่อออกตอนกลางคืน
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลดโดยหาสาเหตุไม่ได้
- อ่อนเพลีย
- เจ็บหน้าอก
- ผู้ที่มีอาการที่สัมพันธ์กับโรควัณโรค หรือการติดเชื้อไมโคแบคทีเรียชนิดอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกปอด ซึ่งอาการจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบริเวณที่ได้รับผลกระทบ เช่น
- ปวดหลังและอัมพาต (โรควัณโรคกระดูกสันหลัง)
- อ่อนเพลียเนื่องจากโรคโลหิตจาง (การติดเชื้อวัณโรคที่ไขกระดูก)
- สภาพจิตใจเปลี่ยนไป ปวดศีรษะ โคม่า (โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค)
- ปวดข้อ หรือปวดท้อง
- มีผลตรวจวัณโรคเป็นบวก และมีการพบสัญญาณของโรคหลังจากที่เอ็กซ์เรย์ปอด ซึ่งจะมีการตรวจ 2 ชนิดที่แพทย์นำมาใช้เพื่อระบุว่า ผู้ป่วยติดโรคหรือติดเชื้อ M. tuberculosis หรือไม่ ได้แก่
- การตรวจทูเบอร์คูลิน (Tuberculin Test - TST)
- การตรวจเลือด (IGRA)
- ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่า เป็นโรควัณโรค หรือผู้ที่เป็นโรคบางโรค เช่น โรค HIV ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ระยะแสดงอาการมากขึ้น
- ผู้ที่กำลังเข้ารับการรักษาโรควัณโรค โดยแพทย์ทำการตรวจ AFB เป็นระยะ เพื่อประเมินประสิทธิผลของการรักษาและเพื่อจะได้ทราบว่า ผู้ป่วยยังคงติดเชื้อหรือไม่
- ผู้ที่มีการติดเชื้อเรื้อรังที่ผิวหนัง ซึ่งไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะตามปกติ กรณีนี้อาจเกิดการติดเชื้อจาก Non-tuberculous Mycobacteria เนื่องจากแบคทีเรียชนิดนี้ ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะที่ใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcal หรือ Streptococcal
วิธีการเก็บตัวอย่างเสมหะเพื่อตรวจ Acid-Fast Bacillus (AFB)
ผู้ที่เข้ารับการตรวจ AFB จะต้องล้างปากด้วยน้ำก่อน แล้วไอแรงๆ ให้เสมหะออกมาเพื่อเก็บตัวอย่างในช่วงเช้าตรู่เป็นเวลาต่อเนื่องกัน 3 วัน ซึ่งตัวอย่างที่เก็บมานั้นจะถูกนำไปบรรจุในแก้วที่ผ่านการฆ่าเชื้อแยกกัน เพื่อทำให้โอกาสในการตรวจพบแบคทีเรียเพิ่มขึ้น
หากผู้เข้ารับการตรวจไม่สามารถผลิตเสมหะได้ แพทย์อาจเก็บตัวอย่างจากทางเดินหายใจโดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า "การส่องกล้องหลอดลม (Bronchoscopy)" เพื่อเก็บตัวอย่างจากน้ำเมือกหลอดลมและหลอดลมฝอย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
กรณีเด็กเล็กที่ไม่สามารถกระแอมเสมหะออกมาได้ แพทย์อาจเก็บตัวอย่างจากน้ำในกระเพาะอาหาร ซึ่งแพทย์จะใส่น้ำเกลือไปในกระเพาะอาหารผ่านทางสายยางแล้วทำการดูดน้ำในกระเพาะอาหารออกมา
หากแพทย์สงสัยว่า โรควัณโรคเกิดขึ้นด้านนอกปอด (Extrapulmonary) แพทย์อาจตรวจสอบของเหลวในร่างกายและเนื้อเยื่อที่มีแนวโน้มว่า จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เช่น เก็บตัวอย่างปัสสาวะ หรือเก็บตัวอย่างของน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (Cerebrospinal Fluid - CSF)
ความหมายของผลตรวจ
การตรวจ AFB smear ที่ให้ผลลบ อาจหมายความว่า ผู้ป่วยไม่ได้ติดเชื้อ แต่อาการที่ปรากฏเกิดจากบางสิ่งที่ไม่ใช่ไมโคแบคทีเรีย หรือปริมาณของไมโคแบคทีเรียมีน้อยจนไม่สามารถมองเห็นได้โดยกล้องจุลทรรศน์
หากแพทย์ยังสงสัยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไมโคแบคทีเรีย อาจต้องเก็บตัวอย่างเพิ่มขึ้นและตรวจสอบคนละวัน
แต่หากผลการตรวจ AFB Smears เป็นบวกที่บ่งชี้ถึงการติดเชื้อไมโคแบคทีเรีย แพทย์อาจทำการเพาะเชื้อเพื่อยืนยันการวินิจฉัย และระบุสปีชีส์ของไมโคแบคทีเรียให้ชัดเจน
สำหรับผู้ที่มีสัญญาณและอาการของการติดเชื้อวัณโรคระยะแสดงอาการ แพทย์จะพิจารณาผลการตรวจ AFB Smear พร้อมกับผลตรวจ NAAT เพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำมากขึ้น และอาจต้องได้รับการยืนยันโดยผลจากการเพาะเชื้อ ตามตารางการแปลผลด้านล่างนี้
ผลการตรวจ AFB Smear |
ผลการตรวจ NAAT |
การแปลผล |
บวก |
บวก |
วินิจฉัยขั้นต้นว่าเป็นวัณโรค |
ลบ |
บวก |
อาจต้องตรวจตัวอย่างเพิ่มเติมโดยใช้ NAAT หากมีมากกว่าหนึ่งตัวอย่างที่เป็นผลบวก จึงจะวินิจฉัยขั้นต้นว่าเป็นวัณโรค |
บวก |
ลบ |
ผลที่ได้ไม่แน่นอน ซึ่ง AFB ที่พบบน Smear ไม่ใช่ M. Tuberculosis |
ลบ |
ลบ |
อาจไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไมโคแบคทีเรีย |
การตรวจ AFB คือ วิธีการตรวจผู้ที่แพทย์สงสัยว่าจะมีเชื้อวัณโรค เพื่อนำไปสู่การรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีต่อไป ดังนั้นหากสงสัยว่า ตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น อยู่ในสถานที่แออัด มีโรคเรื้อรัง โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
หรือมีอาการต้องสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับวัณโรค อาการที่พบบ่อย เช่น มีอาการไอ ไข้เรื้อรัง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดไม่มีสาเหตุ อ่อนเพลีย หากเป็นเช่นนั้น คุณควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android